วันอาทิตย์ที่ ๒๙ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๔

aketarot-เรื่องย่อ เงาพราย

aketarot-เรื่องย่อ เงาพราย

เมื่อผู้มีวิชาได้จับผีร้าย...ลงในผอบแก้ว และเมื่อศักยะบังเอิญไปปลดปล่อยมันออกมา ความระะทึก ความน่าสะพรึงกลัว ความลับที่ปกปิดกำลังเปิดเผยขึ้นใน aketarot-เรื่องย่อ เงาพราย

ศักยะ (ศรราม เทพพิทักษ์) เดินทางกลับเมืองไทยหลังทราบข่าวการเสียชีวิตของ นาวาโท หลวงสินาดชลยุทธ์ ซึ่งเป็นปู่แท้ ๆ ของเขาซึ่งมอบมรดกบ้านสินาดชลยุทธ์และทรัพย์อีกจำนวนหนึ่ง ส่วน นิศรา (อภิสรา ฉวีวงษ์) ลูกพี่ลูกน้องได้ทรัพย์สินจำนวนหนึ่ง และหลวงสินาดฯได้มอบเงิน 1 ล้านบาท ให้กับ ลพ (กิตติศักดิ์ ชีวาสัจจาสกุล) เพื่อนรักและผู้มีพระคุณแต่ยังหาเขาไม่พบ และหลวงสินาดฯ ยังระบุไว้ในพินัยกรรมว่า ให้ศักยะนำของขลังที่เก็บในกระท่อมท้ายบ้านไปถ่วง ลงน้ำที่ปากอ่าวทั้งหมด แต่เมื่อ ตาจอน (ไกรลาศ เกรียงไกร) พาศักยะนำของขลังไปทิ้งปากอ่าวตามที่คุณปู่สั่งไว้ ศักยะกลับแอบนำโถลายครามออกมาและเขาก็สังเกตเห็นควันพวยพุ่งขึ้นมาก่อนจะ ละลายหายไปในอากาศ

หลังจากนั้น ศักยะนำโถลายครามไปขายให้ รัชต์ (เกียรติกมล ล่าทา) เพื่อนเก่าสมัยมัธยมของเขา แต่รัชต์ไม่ซื้อเพราะเห็นรอยแตกร้าวที่โถ ที่นั่นศักยะที่พบ พิมพ์พัสตรา (ชาเคอลีน มิ้นช์) แฟนของรัชต์ เขารู้สึกชอบเธอตั้งแต่แรกเห็น ศักยะนำโถลายครากลับบ้านเขาเห็นสิ่งประหลาดเหมือนหนอนแหวกว่ายในนั้น จึงตกใจและขว้างไปจนโถแตกเป็นเสี่ยง ๆ คืนหนึ่ง ศักยะฝันเห็นเจ้าคุณปู่ตำหนิเขาที่ไม่นำผอบแก้วไปถ่วงน้ำ เขารู้สึกว่าบ้านหลังนี้มีอะไรแปลก ๆ จึงปรึกษากับรัชต์ว่าอยากจะขาย แต่รัชต์เสียดายจึงท้วงว่าจะขอเช่าเป็นออฟฟิศสำหรับสำนักงานตกแต่งบ้านของเขา ศักยะจึงตอบตกลงทันที

ในคืนนั้น เขาพบพราย มันบอกว่ามันสามารถบันดาลทุกสิ่งที่เขาต้องการได้ ศักยะลองทดสอบดูก็ได้สิ่งที่เขาต้องการจริง ๆ แต่เขาก็เก็บเรื่องนี้เป็นความลับ ต่อมาศักยะได้พบกับ เรน หรือ วัสสา (ราศรี บาเลนซิเอก้า) ผู้ช่วยของรัชต์ ศักยะให้เจ้าพรายช่วยตามหาลูกหลานของเพื่อนคุณปู่ให้มารับมรดก จึงได้รู้ว่าเรนเป็นลูกหลานของคุณตาลพที่เขาตามหา ซึ่งคุณตาลพไม่มีลูกหลานอื่น นอกจากน้องชายของท่านคือ คุณตาเลิศ (ชุมพร เทพพิทักษ์) ซึ่งเป็นตาแท้ ๆ ของเรน วันหนึ่ง เมื่อเรนมาดูแลงานตกแต่งออฟฟิศในตอนเย็น เธอก็ได้พบกับคนรูปร่างเหมือนเด็กแต่หน้าแก่ มันหลอกให้เธอไปแขวนคอที่ต้นไม้ใหญ่ โชคดีที่ศักยะมาพบเข้าและช่วยเธอได้ทันเวลา ตาจอนรู้เข้าก็ตกใจและไม่พอใจจึงตำหนิศักยะที่ไม่ยอมเอาผอบแก้วไปถ่วงน้ำ และบอกให้ศักยะขายบ้านแล้วกลับไปนิวซีแลนด์เพื่อความปลอดภัย

แต่ศักยะก็หาว่าแกเลอะเลือนและจะรื้อศาลพระภูมิทิ้ง ตาจอนห้ามไว้ก็ไม่เป็นผล ต่อมาเจ้าที่ได้มาเตือนตาจอน ให้รีบออกจากบ้านให้เร็วที่สุด เพราะท่านคุ้มครองแกไม่ได้แล้ว แต่ในที่สุดตาจอนก็ไม่รอดพ้นเงื้อมมือของปีศาจพรายไปได้ หลังจากนั้นศักยะก็ให้เจ้าพรายช่วยเหลือเรื่องงานจนประสบความสำเร็จและมีรายได้ดีขึ้น ต่อมาเจ้าพรายจะเอาชีวิตรัชต์แต่ศักยะก็ช่วยรัชต์ไว้ได้ ดังนั้นเจ้าพรายจึงเอาชีวิตไว เด็กรับใช้ในบ้านรัชต์ไปแทน ในวันเผาศพไว ศักยะรู้สึกร้อนรุ่มเหมือนถูกไฟเผาแล้วเขาก็ไข้ขึ้นสูงและหมดสติไป เมื่อฟื้นขึ้นมาเขาก็พบว่า พิมมาเฝ้าพยาบาลเขา เขาจึงหลงรักพิมเต็มหัวใจ หลังจากนั้นความสัมพันธ์ของศักยะกับพิมก็พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็วโดยที่รัชต์ กับเรนไม่รู้

วันหนึ่งเข็มทอง แฟนสาวของไวบังเอิญได้ยินศักยะพูดกับเจ้าพราย เธอจึงไปฟ้องรัชต์เรื่องที่ศักยะพูดอยู่คนเดียว เพราะเธอระแวงศักยะอยู่แล้ว แต่ก็ไม่เป็นผล ศักยะต้องการจะกำจัดเข็มทองแต่เข็มทองคอยหลีกเลี่ยง อีกทั้งแม่ของรัชต์ให้เข็มทองไปช่วยงานที่ร้านเบเกอรี่ จึงยิ่งทำให้ศักยะไม่มีโอกาสได้พบเข็มทองอีก เจ้าพรายให้ศักยะลงทุนในตลาดหุ้น สร้างทรัพย์สินเพิ่มพูนให้ชายหนุ่มอย่างเงียบเชียบและรวดเร็ว โดยที่ศักยะไม่บอกให้ใครรู้ ศักยะพาคุณตาเลิศไปดูบ้านของคุณปู่ ตาเลิศเล่าเรื่องเพื่อนของปู่ศักยะที่ชื่ออ้นที่อุตรินำหัวกะโหลกออกมาจากดงกล้วย แต่เมื่อเอาหัวกะโหลกกลับไปคืน เขากลับออกมาไม่ได้จึงอดตายอยู่ในนั้น เหมือนเป็นตัวตายตัวแทนของผีตายโหงเจ้าของหัวกะโหลก แม้ตำรวจมาสืบสวนก็ยังหาสาเหตุการตายไม่ได้

หลังจากนั้น ปู่ชัดก็ตัดสินใจเผาดงกล้วยจนสิ้นซาก ตาเลิศสังเกตเห็นว่า ศาลเจ้าที่หายไปและเมื่อเห็นรูปปู่ชัด ตาเลิศก็ทักว่าหน้าตาปู่ชัดในรูปดูเศร้าหมองแบบที่ไม่เห็นมาก่อน ศักยะยกไม้เท้าที่เคยเป็นของปู่ให้ตาเลิศ และยังให้เรนกับคุณตาไปอยู่บ้านเดี่ยวหลังใหม่ที่เขาซื้อไว้ชั่วคราวในระ หว่างที่เรนหาบ้านหลังใหม่ แต่คุณตาเลิศไม่อยากอยู่ที่บ้านหลังนี้ เพราะรู้สึกร้อนรุ่มอย่างบอกไม่ถูก ธุรกิจ ของรัชต์ประสบปัญหาและอุปสรรคมากขึ้นเรื่อย ๆ พ่อของรัชต์ถูกหามเข้าโรงพยาบาลกะทันหัน ในขณะที่ศักยะประสบความสำเร็จเพราะเขามีเจ้าพรายคอยกระซิบบอกว่าจะทำอย่างไร ต่อไป มันแนะนำให้ศักยะลงทุนในตลาดหุ้นต่อไปและซื้อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของรัชต์ มาเป็นของตนในนามของ เอสวายเรียลเอสเตท รัชต์ไม่ระแคะระคายเลยว่า เจ้าของเอสวายเรียลเอสเตทก็คือศักยะนั่นเอง

จนวันที่ศักยะเข้าไปประกาศกับเขาในห้องทำงาน รัชต์ตกตะลึงอย่างนึกไม่ถึง ศักยะอวดอ้างตัวเองและบอกว่าจะจ้างรัชต์กับเรนเป็นพนักงานในบริษัทที่เขาซื้อไว้ ซึ่งเดิมเคยเป็นของพ่อแม่รัชต์มาก่อน ทำให้รัชต์เจ็บปวดและไม่พอใจมาก รัชต์ปฏิเสธงานที่ศักยะเสนอให้ ศักยะทำเป็นใจกว้างให้รัชต์ใช้บ้านคุณปู่เขาเป็นออฟฟิศต่อไปได้ฟรี ๆ โดยไม่คิดค่าเช่า แต่เรนกับรัชต์ไม่อยากอยู่ที่บ้านหลังนี้อีกต่อไปแล้วจึงมองหาสถานที่ใหม่ สำหรับทำเป็นออฟฟิศ พิมบอกเลิกรัชต์โดยอ้างว่าเขาไม่ค่อยมีเวลาให้เธอ เรนรู้ว่าพิมหันไปคบกับศักยะแต่ไม่กล้าบอกนาย เข็มทองย้ายมาทำงานที่ออฟฟิศเดียวกับเรน หลังจากกิจการของแม่รัชต์ต้องล้มเลิกไป ตาเลิศมาช่วยงานที่ออฟฟิศบ้าง เพราะรู้สึกไม่ชอบมาพากล และยังได้ยินเรื่องแปลก ๆ ที่เข็มทองเล่าให้ฟังอีกด้วย

ความสัมพันธ์ของศักยะกับพิมแนบแน่นจนเป็นที่รู้กันว่าเธอคือว่าที่เจ้าสาว ของเขา ศักยะได้ทุกอย่างตามที่เจ้าพรายรับปากไว้ มันจึงกลับมาทวงผู้หญิงที่เคยขอศักยะเป็นข้อแลกเปลี่ยน ศักยะจึงหลอกพาเข็มทองมาฆ่าและเอาศพของเธอใส่ถุงดำไปทิ้ง ต่อมาศักยะถูกเรียกตัวไปสอบปากคำ และชายหนุ่มก็ขอให้เจ้าพรายช่วยไม่ให้ตำรวจพบรอยเลือดในโกดังที่เขาฆ่าเข็ม ทอง มันแนะนำว่าต้องให้ไฟไหม้โกดังทำลายหลักฐานทั้งหมดซึ่งหมายความว่าไฟต้อง ไหม้บ้านทั้งหลังด้วย ศักยะรู้สึกเสียดายบ้านแต่จำใจตอบตกลงเพราะไม่อยากให้เรื่องยุ่งยากไปกว่า นี้ ตำรวจจึงยังหาฆาตกรตัวจริงไม่ได้ รัชต์ย้ายออฟฟิศมาอยู่ในสำนักงานเล็ก ๆ กึ่งทาวน์เฮาส์ เขาเลื่อนขั้นเรนขึ้นเป็นหุ้นส่วนของเขา ทั้งสองสนิทสนมกันมากขึ้น

ต่อมา ศักยะแต่งงานกับพิม เมื่อพิไล (เพ็ญพักตร์ ศิริกุล) รู้ข่าวก็โทรมาต่อว่าที่ลูกชายแต่งงานโดยไม่บอกให้แม่รู้สักคำ ศักยะอ้างว่าไม่อยากให้แม่ต้องปิดร้านและฝ่ายเจ้าสาวก็ออกค่าใช้จ่ายให้ทั้งหมด แต่ แม้นฤกษ์ (ภาณุเดช วัฒนสุชาติ) พ่อเลี้ยงของศักยะสงสัยว่ามีอะไรไม่ชอบมาพากล จึงยุให้พิไลเดินทางมาหาลูกชายที่เมืองไทย หลังจากเรนกับตาเลิศย้ายเข้ามาอยู่บ้านใหม่ คุณตาก็ผูกมิตรกับเพื่อนบ้านจนสนิทสนมกันดี และได้ว่าจ้างเกษมและภรรยามาช่วย ดูแลบ้าน ทั้งสองคุยกันถูกคอจนได้รู้ว่าที่แท้แล้ว เกษมเป็นลูกชายของตาจอนนั่นเอง เมื่อตาเลิศได้ฟังเรื่องตาจอนจากเกษมแล้วก็ยิ่งรู้สึกไม่ชอบมาพากลแต่ยังไม่ กล้าเล่าให้เรนฟัง

คืนหนึ่ง ตาจอนมาปรากฏตัวให้รัชต์ เรน และตาเลิศเห็น พร้อมทั้งเตือนให้ระวังตัวและหนีไปให้ไกลที่สุด แต่ทั้งตาเลิศและเรนต่างไม่ยอมย้ายไปอยู่ที่ไหน รัชต์จึงอาสาย้ายมาอยู่เป็นเพื่อนสองตาหลานที่บ้านหลังนี้ วันหนึ่ง ตาเลิศเกือบถูกรถกระบะพุ่งชนแต่แกใช้ไม้เท้าของหลวงสินาดยันไว้ได้ทันจึงรอด มาได้หวุดหวิด แกจึงรู้ตัวว่าเจ้าปีศาจร้ายต้องการเอาชีวิตแกเป็นรายต่อไป แม้นฤกษ์กลับมาเมืองไทยพร้อมพิไล จึงมาเยี่ยมลูกสาวซึ่งก็คือเรนที่บ้าน เขายุยงพิไลให้ขอบ้านจากศักยะโดยอ้างว่าอยากขายร้านอาหารแล้วกลับมาอยู่ เมืองไทย แต่ศักยะรู้ทันจึงไม่ยอมยกบ้านให้ วันหนึ่งแม้นฤกษ์ให้เรนไปส่งเขาที่บ้าน จึงได้พบศักยะกำลังคุยอยู่กับพิไล ศักยะและเรนจึงรู้ว่าที่แท้พ่อเลี้ยงของศักยะ ก็คือพ่อแท้ ๆ ของเรนนั่นเอง ภายในหนึ่งเดือนที่พิไลและแม้นฤกษ์อยู่ที่เมืองไทย แม้นฤกษ์ผลาญเงินของลูกเลี้ยงไปเป็นจำนวนมาก ทำให้ศักยะโกรธมากจึงไประบายกับเจ้าพรายว่าอยากให้แม้นฤกษ์ไปลงนรกเสีย เจ้าพรายจึงจัดการแม้นฤกษ์จนจมน้ำตาย

คืนหนึ่งเจ้าพรายปรากฏตัวขึ้นในความฝันของศักยะ ทวงสิ่งตอบแทนว่ามันต้องการให้เขาทำลายไม้เท้าของนายเลิศเสีย วันหนึ่ง ศักยะสามารถขโมยไม้เท้าตาเลิศมาได้สำเร็จโดยหารู้ไม่ว่าที่แท้ไม้เท้าของ หลวงสินาดฯยังอยู่กับตาเลิศ แต่ไม้เท้าที่ศักยะเผาทำลายไปนั้นเป็นไม้เท้าที่คุณตาใช้ประจำ รัชต์ติดต่อกับพิมทำให้ศักยะหึงหวง ทั้งคู่จึงทะเลาะกัน พิมหนีออกจากบ้าน ศักยะสั่งให้พรายตามเธอไป หากไปหาชู้ก็ให้ฆ่าทั้งคู่ พิมจะสามารถรอดพ้นเงื้อมมือของเจ้าพรายไปได้หรือไม่ บทสรุปของศักยะและเจ้าพรายจะเป็นอย่างไรต่อไป ติดตามชมได้ใน ละครเงาพราย

วันอาทิตย์ที่ ๒๒ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๔

aketarot-เรื่องย่อ โบ๊เบ๊

aketarot-เรื่องย่อ โบ๊เบ๊

โบ๊เบ๊ตลาดขายเสื้อผ้าที่สำคัญแห่งหนึ่งของเมืองไทย ณ สถานที่แห่งนี้ มีเรื่องราวของเด็กชายคนหนึ่ง วิน หรือ เปี๊ยก ที่ใฝ่ฝันอยากมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีกว่านี้ เขาจะมีความสามารถที่ทำให้ความฝันเป็นจริงได้หรือไม่ ในด้านความรักเขาสามารถจะใช้ชีวิตกับหญิงที่หมายปองได้หรือไม่ ติดตามเรื่องของเขาได้ใน aketarot-เรื่องย่อ โบ๊เบ๊

วิน หรือ เปี๊ยก (ซี-ศิวัฒน์ โชติชัยชรินทร์) พา ภศน (พอร์ช-ศรัณย์ ศิริลักษณ์) ลูกชายคนเดียวมาเมืองไทย และ นัดเฮง (โพลาร์ อิศวร์) กับ หน่อน (แมน-อรรถชาติ ศรีภักดี) เพื่อนรักจะพาลูกไปรู้จัก เหตุผลหนึ่งที่ ภศนกลับเมืองไทยคืออยากเจอ ข้าวปั้น (มิน-พีชญา วัฒนามนตรี) หญิงที่เขาชอบ เธอกลับมาไทยเพราะพ่อเสียชีวิตกะทันหัน ทั้งคู่พบกันที่สถานกงสุลในงานหาเงินช่วยอุทกภัยในเมืองไทย จากนั้นก็ติดต่อกันเรื่อยมา

ภศนชอบข้าวปั้นที่น่ารักและเป็นผู้หญิงเก่ง ข้าวปั้นกับแม่กำลังยุ่งเรื่องทรัพย์สินของพ่อที่มีหุ้นกับญาติ ภศนชวนข้าวปั้นกับแม่มาทานข้าวด้วย แล้วบอกว่า เฮง (โพลาร์ อิศวร์) เป็นทนายอาจช่วยได้ เปี๊ยกพาภศนไป โบ๊เบ๊ ถิ่นเกิดของเปี๊ยก เพื่อให้ภศนรู้ว่าตอนเด็กเปี๊ยกยากจนมาก ต่างจากปัจจุบันที่ร่ำรวยด้วยธุรกิจขายและประกอบอะไหล่รถยนต์ที่อเมริกา เปี๊ยกเป็นลูกชายของพ่อยูรกับ แม่เสียง (กู้-วาสิษฐี ศรีโลฟุ้ง) ทั้งสองมีลูกหกคน สมบูรณ์ ลูกสาวคนโตแต่งงานแล้ว สมศรี (แพร-พรรัมภา สุขได้พึ่ง) ลูกสาวคนรองเรียนอยู่ธรรมศาสตร์ เปี๊ยกเป็นลูกคนที่สามต้องทำงานหาเงินพิเศษเพื่อเรียนหนังสือ ไพรัชน้องชายเปี๊ยกไปบวชแล้วไม่สึก จิ๊บกับปุ๊ น้องสาวของเปี๊ยกยังอายุหกขวบและห้าขวบ

เปี๊ยกมีเพื่อนสนิท คือ วิสิทธิ์หรือเฮง, ศักดิ์ชัยหรือโอ่ง (กุ้ง-รวิช ไรวินท์) ซึ่งบ้านขายหมูสะเต๊ะ และสงวนหรือหน่อน ที่บ้านขายผ้า ทั้งสี่ชอบนัดไปเล่นกัน และโอ่งจะแอบขโมยหมูสะเต๊ะมาให้เพื่อนกินอยู่เสมอ แม่เสียงสั่งไม่ให้เปี๊ยกมีเรื่องกับใคร เพราะรู้ว่าลูกไม่ใช่เด็กเกเร แต่รักพวกพ้องมาก พอโรงเรียนเลิก เปี๊ยกจะไปหาพวกโอ่ง แต่ถูกพวก เกรียงศักดิ์ (จุ๊บ-อิทธิกร สาธุธรรม) นักเลงประจำห้องดักไว้ เกรียงศักดิ์ว่า เปี๊ยกหน้าตัวเมีย เปี๊ยกโกรธมาก ชกจนเกรียงเลือดกำเดาไหล เม้งกับตี๋ไม่ยอมให้เปี๊ยกออกจากห้อง หากเปี๊ยกจะออกต้องให้เกรียงชกคืนสามที เปี๊ยกยอม เปี๊ยกไปหาเพื่อนตามนัดและเล่าให้เพื่อน ๆ ฟัง โอ่งจะไปกระทืบเกรียง เฮงกับหน่อนห้ามไว้

ระหว่างนั้นมีเสียงเด็กอ่อนร้องไห้ เปี๊ยกชวนเพื่อนไปดู ที่ซุ้มต้นแก้ว เปี๊ยกและเพื่อนพบเด็กหญิงทารกคนหนึ่ง ทุกคนนั่งรอแม่ของเด็ก แต่สุดท้ายก็ไม่มีใครมา เปี๊ยกสงสารเด็กจึงวางแผนเอาเด็กไปวางไว้หน้าบ้าน เถ้าแก่ฮิ้ม (ปู-อนุวัฒน์ นิวาตวงศ์) นายง้วน (นุ้ย-สมศักดิ์ รัตนกุล) คนขับรถเถ้าแก่ฮิ้มเห็นเด็กอ่อน เรียกเถ้าแก่ออกมาดู เถ้าแก่ฮิ้มเห็นเด็กแล้ว คิดถึงลูกสาวที่เสียชีวิตไปแล้วที่เกิดกับ ชบา (นก-อุษณีย์ วัฒฐานะ) ภรรยาน้อย เขาจึงเอาเด็กไปให้ชบาเลี้ยงแทนลูกสาว นางเตียมเกียง (ต้อม-ณหทัย พิจิตตรา) ภรรยาหลวงของเถ้าแก่ฮิ้มไม่พอใจที่เถ้าแก่ฮิ้มพาเด็กผู้หญิงมาให้ชบาเลี้ยง ปกติเตียมเกียงจะตามราวีเมียน้อยทุกคนของเถ้าแก่ฮิ้ม แต่ชบาเป็นครูสอนลูกชายสองคนของเตียมกียงกับเถ้าแก่ฮิ้ม ชื่อ โกวิท หรือ ตี๋ใหญ่ (ธีร์ วณิชนันทธาดา) กับ อุดม หรือ ตี๋เล็ก (ณัฏฐ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา)

ชบาเรียกเปี๊ยกไปดูลูกสาว เปี๊ยกตั้งชื่อให้ทารกว่า ดอกแก้ว (ขวัญ-อุษามณี ไวทยานนท์) เตียมเกียงเป่าหูตี๋เล็กว่า ดอกแก้วเป็นเด็กเก็บตกข้างถนนที่เถ้าแก่ฮิ้มรักมาก ต่อไปนี้ตี๋เล็กจะเป็นหมาหัวเน่า เมื่อตี๋ใหญ่กับตี๋เล็กไปไหว้ชบาที่บ้าน ตี๋เล็กพูดว่าดอกแก้วเป็นเด็กเก็บตกและอาจเป็นลูกชู้ ชบาโกรธมาก เปี๊ยกได้ยินเตียมเกียงกับตี๋เล็กคุยกัน ตี๋เล็กคิดจะฆ่าดอกแก้ว เปี๊ยกขัดขวางอุ้มดอกแก้วไว้ เถ้าแก่ฮิ้ม ชบา เรียม (ตุ๊ก-พิมพ์ศิริ คชหิรัญ) เข้ามา ตี๋เล็กใส่ความว่าเปี๊ยกจะฆ่าดอกแก้ว เถ้าแก่ฮิ้มโกรธมาก เตะเปี๊ยก ชบาขอโทษปี๊ยกแทนเถ้าแก่

พ.ศ.2520 เปี๊ยกโตเป็นหนุ่มเต็มตัว และเปลี่ยนชื่อเป็น วิน ทำงานเปียลำใย เขาหล่อ ฉลาด ว่องไว เปี๊ยกทำงานกับเถ้าแก่คุง เปี๊ยกมีเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราวในการเปียลำไย เขามีลูกน้องคู่หู คือ หนาน คู่แข่งคือ กวง ดอกแก้วโตเป็นสาวสวย เถ้าแก่รักและหวงมาก เปี๊ยกเจอคู่อริมาดักต่อย เปี๊ยกป้องกันตัวจนพลาดใช้มีดแทงกวง เมื่อตี๋เล็กกับมาบ้านเขาเจอดอกแก้วครั้งแรกก็เจ้าชู้ใส่ทันที พอดีกับที่อุดมมาบอกเรื่องเปี๊ยกไปแทงกวงบาดเจ็บ ตี๋เล็กดักรอลวนลามดอกแก้ว ดอกแก้วใช้วิธีป้องกันตัวที่เปี๊ยกสอนจัดการจนตี๋เล็กล่าถอย ดอกแก้วไปงานแต่งของโอ่งพบ คุณนายสาลี่ (วิไลลักษณ์ ไวงาน) ภรรยา สารวัตรอัมพร (เจษฎา ฉิมพลี) ดอกแก้วได้รู้จักกับ แทนไท หรือ ต้น (กอล์ฟ-อนุวัฒน์ ชูเชิดรัตนา) ลูกของสาลี่และอัมพร แทนไทท่าทางนุ่มนิ่ม เรียบร้อยคล้ายผู้หญิง แทนไทกับพ่อแม่มาคุยเรื่องคดีของเปี๊ยก แทนไทบอกว่ากวงยอมความแล้วกำลังตกลงค่าเสียหาย ดอกแก้วดีใจมาก

เถ้าแก่ฮิ้ม ดอกแก้ว ชบา ไปส่งข่าวไว้ที่ป้าสมศรี พี่สาวของเปี๊ยก แล้วเถ้าแก่ฮิ้มพาชบาและดอกแก้วไปทานอาหาร ระหว่างจะกลับมีคนบุกยิงเถ้าแก่ฮิ้มหน้าร้าน เปี๊ยกได้ไปบวชเป็นพระแล้วสึกออกมา สมศรีเลยตัดสินใจบอกเปี๊ยกเรื่องที่เถ้าแก่ฮิ้มถูกยิง เปี๊ยกรีบไปเยี่ยมทันที เปี๊ยกนึกถึงคนร้ายจนไปจบที่ เพ้ง (บอย-เกริกพันธ์ งามจิตสุขศรี) ที่เคยโกงเถ้าแก่ฮิ้ม เปี๊ยกรู้จากชบาว่า ดอกแก้วอ่านหนังสือสอบอยู่ที่บ้านคนเดียว เลยไม่ไว้ใจตี๋เล็ก พอเปี๊ยกเจอแทนไทเริ่มรู้สึกแปลก ๆ ว่าแทนไทเหมือนกระเทย ชบาบอกว่าแทนไทเป็นลูกของคุณอัมพร เปี๊ยกจึงทักทายดีและบอกว่าจะไปขอบคุณอัมพร แทนไทบอกกับเปี๊ยกว่าดอกแก้วคิดถึงเปี๊ยกมาก แทนไทเลยพาเปี๊ยกไปเจอ ดอกแก้วดีใจมาก ตี๋เล็กเดินมาเห็นเลยพูดจาถากถางดอกแก้ว เปี๊ยกออกรับแทนและต่อว่าตี๋เล็กที่จะลวนลามดอกแก้วจนตี๋เล็กล่าถอย แทนไทชอบความกล้าของเปี๊ยก

หลังจากนั้นเปี๊ยกตั้งใจทำงานเก็บเงิน เพื่อจะไปเรียนต่อเมืองนอก และกลับมาขอดอกแก้วแต่งงาน เพราะจะได้ดูดีมีราศี เปี๊ยกแวะไปหาเฮงถึงรู้ว่า ต้อย (เต้-นันทศัย พิศลยบุตร) ไปทำงานกับ เสี่ยจั๊ว (พัศพงศ์ จิตตธีรโรจน์) เจ้าของโรงบิลเลียด ต้อยขอให้เปี๊ยกมาแข่งบิลเลียดกับสำเริง เพราะมีเปี๊ยกคนเดียวที่ปราบสำเริงได้ แต่เปี๊ยกขอคิดดูก่อน แต่เปี๊ยกก็ขอให้ต้อยเลิกกับหมวยเล็ก(ส้มโอ-ธราภา กงทอง) แต่ต้อยยืนยันว่ารักหมวยเล็กจริง ๆ จึงอยากได้เงินจากเสี่ยจั๊วพาหมวยเล็กหนี เปี๊ยกไปหาต้อยแต่เจออำภาศรี(วิมลรัตน์ บาลี)ผู้หญิงของเสี่ยจั๊ว เธอจึงชวนเปี๊ยกไปบาร์ที่ตัวเองร้องเพลงอยู่ เธอพยายามใกล้ชิดเปี๊ยก จนเปี๊ยกพลาดท่ามีอะไรกับเธอ เปี๊ยกรู้สึกผิดและไม่คิดจะยุ่งกับอำภาศรีอีก เปี๊ยกออกมาเจอเสี่ยจั๊วพอดี เสี่ยจึงเรียกมาคุย พูดทำนองว่ารู้ตัวมือปืนที่ยิงเถ้าแก่ฮิ้มแล้ว เปี๊ยกอยากรู้มาก

ต้อยยื่นข้อเสนอให้เปี๊ยกแข่งบิลเลียดให้แล้วจะบอกเบาะแสคนร้าย เปี๊ยกรับปาก ดอกแก้วมางานทำบุญบ้านของคุณนายประภาแต่ดอกแก้วไม่สนุกเพราะเปี๊ยกไม่มา เธอขอให้แทนไทช่วยพากลับบ้าน เมื่อดอกแก้วกลับถึงบ้าน เผยมาบอกว่าเตียมเกียงไม่สบายรอดอกแก้วอยู่ ดอกแก้วรีบขึ้นไปหา แต่กลับเจอตี๋เล็กดักรอ ตี๋เล็กจะข่มขืนดอกแก้ว ดอกแก้วพยายามหนีจนตกบันได ชบาตกใจมากที่ลูกตกบันได แล้วไปอาละวาดเผยและเตียมเกียง เตียมเกียงทำเป็นพูดดี และขอขมาไม่ให้จับตี๋เล็กเข้าคุก โดยเอาความลับของดอกแก้วมาต่อลอง แทนไทเล่าเรื่องตี๋เล็กทำร้ายดอกแก้วให้เปี๊ยกฟัง แล้วขอให้เปี๊ยกไปเยี่ยมดอกแก้ว แต่เปี๊ยกบอกว่ายังไม่ถึงเวลา ตี๋เล็กไปกินข้าวที่บาร์และอยากร้องเพลง แต่เปี๊ยกซึ่งร้องอยู่ไม่วางไมค์ ตี๋เล็กเข้าไปต่อยเปี๊ยก เปี๊ยกไม่ต่อสู้ จนจ่าคนหนึ่งที่แทนไทพามาด้วยเข้ามาห้ามปราม แล้วจับตี๋เล็กไปขังที่สถานนี

วันแข่งบิลเลียด เปี๊ยกเล่นชนะทั้งสามเซ็ท แทนไทบอกว่ามารับเปี๊ยกไปเยี่ยมดอกแก้วที่บ้าน เปี๊ยกไม่ยอมไป เขาต้องการหาตัวคนร้ายที่ยิงเถ้าแก่ฮิ้มก่อน ต้อยบอกเปี๊ยกว่าเจอที่พักของเพ้งแล้ว เขาพาไปที่ห้องแถวโสเภณี เพ้งนอนป่วยอยู่แต่ไม่ยอมรับผิด หลานชายเพ้งที่เคยติดคุกและเป็นมือปืนยิงเถ้าแก่ฮิ้มมาหาเพ้ง และรีบหนี เปี๊ยกไล่ตาม เปี๊ยกสู้กับเพ้งเสียท่า เปี๊ยกถูกกระทืบ แต่ตำรวจก็จับคนร้ายได้ เถ้าแก่ฮิ้มออกจากโรงพยาบาล เตียมเกียงใส่ไฟกับเถ้าแก่ฮิ้มว่า เปี๊ยกทำให้ตี๋เล็กติดคุก ตี๋เล็กอายจนต้องไปฮ่องกง เถ้าแก่ฮิ้มเรียกเปี๊ยกมาถามเรื่องทำให้ตี๋เล็กเข้าคุก เปี๊ยกรับจึงโดนเถ้าแก่ฮิ้มตีแสกหน้าแล้วไล่ออกจากบ้าน

ชบารีบโทรบอกแทนไท แทนไทไปหาเปี๊ยกที่บ้าน แทนไทอ้างชื่อดอกแก้วจนเปี๊ยกยอมไปหาหมอ ดอกแก้วบังคับให้ง้วนพาไปเยี่ยมเปี๊ยก เปี๊ยกดีใจที่ดอกแก้วมาหา ดอกแก้วกอดเปี๊ยกและบอกว่าจะไม่ยอมให้เปี๊ยกตาย เปี๊ยกดีใจมาก แทนไทส่งข่าวเถ้าแก่ฮิ้มเรื่องจับเพ้งกับญาติที่ยิงเถ้าแก่ฮิ้มได้ และเปี๊ยกเป็นคนช่วยจับคนร้าย เถ้าแก่ฮิ้มเรียกทนายประสงค์มาทำพินัยกรรม เถ้าแก่ฮิ้มอนุญาตให้ดอกแก้วไปเรียนต่อที่ปีนัง เถ้าแก่ฮิ้มให้แทนไทช่วยหาที่เรียนที่ปีนังให้ดอกแก้วและที่อเมริกาให้เปี๊ยก เขาต้องการตอบแทนเปี๊ยก เปี๊ยกไปอเมริกากับหน่อนและเฮง เปี๊ยกรู้เรื่องที่เมืองไทยเพราะแทนไทเขียนจดหมายไปหาเสมอ แต่เขาไม่เคยได้จดหมายจากดอกแก้วเลย

เปี๊ยกอยู่อเมริกาอีกสองปี แม่เสียงก็ส่งข่าวมาบอกว่าดอกแก้วแต่งงานแล้ว เปี๊ยกเสียใจเรื่องดอกแก้วมาก ดื่มเหล้าเมา จน นุช (กระติ๊บ-ชวัลกร วรรธนพิสิฐกุล) ช่วยพาไปส่งให้หน่อนกับเฮง จากนั้นเปี๊ยกกับนุชรู้จักกันมากขึ้น เปี๊ยกขอนุชแต่งงาน นุชตกลงแม้จะรู้ว่าเปี๊ยกยังรักดอกแก้ว เมื่อใกล้คลอดภศน เปี๊ยกพานุชมาคลอดที่เมืองไทย เปี๊ยกสร้างฐานะจนร่ำรวยและพาน้อง ๆ ไปอยู่ที่อเมริกา เปี๊ยกขอข้าวปั้นให้ภศน ดอกแก้วพาเปี๊ยกไปเยี่ยมชบาซึ่งยังอยู่กับเรียม ชบาร้องให้ขอโทษเปี๊ยก พร้อมหยิบกล่องจดหมายที่ดอกแก้วเขียนถึงเปี๊ยก แต่ชบาไม่ยอมส่งให้ ดอกแก้วกับเปี๊ยกจึงเข้าใจทุกอย่าง เปี๊ยกกับดอกแก้วเศร้า แต่ทั้งคู่ก็ดีใจที่ลูกรักกัน ดอกแก้วฝากเปี๊ยกดูแลข้าวปั้น เปี๊ยกสัญญาว่าจะรักข้าวปั้นเหมือนที่รักดอกแก้ว ดอกแก้วขอบคุณ และเรียก พี่เปี๊ยก เหมือนกับวันเก่า ๆ เปี๊ยกยิ้มทั้งตาและหัวใจกับคำพูดนั้น...


aketarot-เรื่องย่อ ทาสรัก

aketarot-เรื่องย่อ ทาสรัก

เมื่อเจ้าหญิงแสนสวยที่หลบหนีออกจากวัง เพื่อติดตามหาพี่ชายที่หายสาปสูญในต่างแดน ในระหว่างทางได้เกิดเหตุการณ์พลิกผัน ที่ทำให้องค์หญิงจำเป็นต้องปลอมตัวเป็นนางทาสและหลุดเข้าไปอยู่ในท่ามกลางโสเภณี แล้วทีนี้ องค์หญิงจะทำอย่างไรกันล่ะ เมื่อต้องออกมารับแขก ติดตามกันได้เลยใน aketarot-เรื่องย่อ ทาสรัก

ปลายสมัยรัชกาลที่ 4 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์... ณ ดินแดนเชียงน้อย เป็นรัฐอิสระขนาดเล็กที่อยู่ระหว่างชายแดนไทยและพม่า ปกครองในระบอบกษัตริย์มี เจ้าหลวงมหาชีวิต (สมภพ เบญจาทิกุล) ที่ชราและป่วยหนักเป็นผู้ปกครอง เจ้าหลวงมหาชีวิตกำลังรอคอย เจ้าชายตันละวินที่หายไปคราวเกิดสงครามกลางเมืองเมื่อยี่สิบปีก่อน เจ้าหญิงเอยาวดี (เข็มอัปสร สิริสุขะ) ทนดูบิดานอนหายใจรวยรินด้วยความทุกข์ไม่ไหว ตัดสินใจลอบหนีออกไปจากคุ้มหลวง เดินทางเข้ามาในประเทศไทย พร้อมกับ อองดิน (ทฤษฎี สหวงษ์) นายทหารองครักษ์ และนักรบมือฉกาจผู้เงียบขรึม พร้อมด้วย นางติ๊ด (ดารณีนุช โพริปติ) พี่เลี้ยงอารมณ์ดี ข่าวการเดินทางมาในประเทศไทยเข้ามาถึงหูคนใน วังเขียว ของ หม่อมนวล (ธัญญา โสภณ) ซึ่งมีบุตรชายแสนรักแสนหวงเพียงคนเดียว คือ ม.จ.ดาบปราบศัตรู หรือ ท่านดาบ (กฤษดา พรเวโรจน์) หม่อมนวลให้จัดเสลี่ยงออกไปรับเจ้าหญิง และให้ออกประกาศการต้อนรับเจ้าหญิงอย่างยิ่งใหญ่ที่หัวเมือง ในฐานะเจ้าหญิงผมหอม ผู้ทรงสิริโฉมงดงาม (เกิดจากการอาบน้ำบำรุงสมุนไพรตำรับโบราณทุกวันตั้งแต่เกิด)

เจ้าหญิงเอยาวดีคือคู่หมั้นของท่านดาบ ทั้งสองไม่เคยพบหน้ากัน แต่หม่อมนวลก็หวังประโยชน์มหาศาลจากเชียงน้อยจึงสนับสนุนเต็มที่ ในขณะที่ฟ้ากำหนดให้เจ้าหญิงเอยาวดี เกิดท่ามกลางเส้นทางปูด้วยกลีบกุหลาบ มีหญิงอีกผู้หญิง กำเนิดขึ้นอย่างแร้นแค้นในเรือนทาสของคุณ พระพิพิธโอสถ (ภาณุเดช วัฒนสุชาติ) อีวาด (เจนี่ เทียนโพธิ์สุวรรณ) เป็นทาสตั้งแต่วันที่ลืมตาดูโลก เพราะพ่อแม่เป็นทาสทั้งคู่ วาดเป็นเด็กฉลาด ทะเยอทะยาน สนใจใฝ่รู้ วาดยอมให้ คุณโนรี (โชติกา วงศ์วิลาศ) ลูกสาวพระพิพิธตบตี ระบายอารมณ์เพียงเพราะต้องการจะแอบฟังคุณโนรีเรียนเขียนอ่าน และยอมให้พระพิพิธเตะถีบเพียงเพื่อจะได้เข้าไปช่วยงาน และหาความรู้ในห้องเก็บยาของพระพิพิธ พร้อมกับดูแลแม่คือ นางวง (ชุดาภา จันทเขตต์)


ระหว่างความลำบากยากแค้นนั้น วาดใช้ความจำอันแสนวิเศษของตน จดจำตำรายาของพระพิพิธจนกลายเป็นผู้มีความสามารถด้านการแพทย์แผนโบราณอยู่เงียบ ๆ นางวาดถูกขายให้กับโรงโสเภณีที่มี คุณพระพาณิชย์ หรือ จีนฮง (ประกาศิต โบสุวรรณ) เป็นเจ้าของ จีนฮงมีอาชีพค้าทาส และเปิดโรงโสเภณีใหญ่ที่สุดอยู่ในพระนคร ทนมือทนตีน ทนเจ็บตัวนั้นทนได้ แต่ให้ทนบำเรอกามแก่ผู้ชายทั่วทั้งพระนคร เห็นทีจะไม่ไหว วาดตัดสินใจหนีเข้าป่า เอาตัวรอดไปเจอกับขบวนเสลี่ยงต้อนรับเจ้าหญิงเอยาวดีที่หัวเมือง โดนมี นายขวด (พสิน เรืองวุฒิ) สมุนเอกจอมโหดของจีนฮงวิ่งถือดาบไล่ตามไปติด ๆ

ทางฝ่ายเจ้าหญิงเอยาวดีนั้นก็กำลังว้าวุ่นใจอยู่กับขบวนที่มารอต้อนรับตนอยู่หน้าเมืองเจ้าหญิงและคณะ มิปรารถนาที่จะเปิดเผยตน เพราะเกรงว่าหากเข้าไปอยู่ในวังแล้ว ความเป็นเจ้าหญิงจะทำให้ติดตามพี่ชายไม่สะดวก และกลุ่มของเจ้าหญิงเอยาวดีนั้นก็มีศัตรูติดตามอยู่เช่นกัน ศัตรูของเจ้าหญิงเอยาวดี คือทหารของ สมิงสินธู (ศานติ สันติเวชชกุล) อาแท้ ๆ ของเจ้าหญิงที่เป็นกบฏในนครเชียงน้อย ในช่วงเวลาชุลมุนที่หัวเมืองนี่เอง อองดินพบกับวาดและได้ช่วยนางวาดสู้กับนายขวด อองดินขอให้วาดตอบแทนตน ด้วยการใส่ชุดเจ้าหญิงและขึ้นเสลี่ยง เพื่อเป็นตัวล่อกลุ่มศัตรู นางวาดทำตามเพราะเชื่อว่า ตนจะหนีเข้าป่ารกข้างหน้า การณ์ไม่เป็นดังนั้น วาดหนีไม่ได้ เพราะหม่อมนวลมาพบเข้าและเข้าใจไปว่านางวาดคือเจ้าหญิงเอยาวดี เวลาเดียวกันนั้น

เอยาวดีที่อยู่ในชุดของทาส หลุดออกจากการคุ้มกัน ของอองดินและนางพี่เลี้ยงถูกนายขวดจับตัวไปกับกลุ่มทาสที่ถูกซื้อมาเป็นกลุ่มใหญ่ที่กำลังจะเดินทางไปโรงโสเภณี เอยาวดีในบทบาทของนางทาสวาด เมื่ออยู่ปะปนกับนางมาสต่าง ๆ ก็ได้เรียนรู้ชีวิตอดสูของทาสหญิงทั้งหลายมากขึ้น ที่มีค่าเป็นเพียงสมบัติของพ่อหรือของผัว เอยาวดีได้เพื่อนสนิทเป็นทาสด้วยกันชื่อ พี่ขาว (ชมพู่ ก่อนบ่ายฯ) ทั้งสองมักมีเรื่องกับทาสหญิงขี้อิจฉา จอมเอาเปรียบ ชื่อ อีพริ้ง (สกาวใจ พูนสวัสดิ์) เอยาวดีกำลังถูกทรมานให้รับแขกคนแรก อองดินคิดจะพาทั้งเอยาวดีและนางวาดออกไปจากเมืองหลวงเพื่อตัดปัญหาความวุ่นวายทั้งหมด

แต่เอยาวดีกลับปฏิเสธ หล่อนได้เบาะแส พี่ชายแล้ว โสเภณีที่เป็นชาวเชียงน้อยชื่อ นางบาง (ปวันรัตน์ นาคสุริยะ) ที่ทำงานมาก่อนหน้า เล่าให้ฟังถึงกลุ่มแขกชาวเชียงน้อย ที่พูดถึงองค์ชายพลัดถิ่นของเขา เอยาวดีขออองดินอยู่ในโรงโสเภณีต่อไป อองดินไม่ยอม เอยาวดีจีงขอความช่วยเหลือจากสมองอันชาญฉลาดของนางวาด นางวาดจัดสมุนไพร ยาเมา ให้ผู้ชายที่มาใช้งานเอยาวดี จากนั้นก็จะให้นางบางและนางขาวทำหน้าที่นอนกับผู้ชายคนนั้นแทน ตื่นขึ้นมา ชายเหล่านั้นก็จะนึกไปว่าได้นอนกับเอยาวดีเป็นที่เรียบร้อย ด้วยวิธีนี้ เอยาวดีเชื่อว่าตนจะเอาตัวรอดไปได้




เอยาวดีและนางวาดตัดสินใจปลอมเป็นกันและกันต่อไป ทาสยังคงเป็นเจ้าหญิงและเจ้าหญิงยังคงเสี่ยงอันตรายอยู่ในโรงโสเภณีต่อไป วาดสวมบทบาทการเป็นเจ้าหญิง หม่อมนวลจอมงก เอาใจใส่ดูแลเต็มที่ ในขณะที่ ม.จ ดาบปราบศัตรู ไม่ยอมกลับบ้าน ท่านดาบอ้างเหตุราชกิจในหัวเมือง จงใจแสดงความไม่สนใจต่อเจ้าหญิงคู่หมั้น แต่แล้ว ท่านดาบกลับไปพบกับเอยาวดี คู่หมั้นตัวจริงโดยบังเอิญในคืนหนึ่ง สหายของท่านดาบเห็นว่าท่านดาบกำลังเมา จึงคิดจะกลั่นแกล้งท่านดาบปราบศัตรู ด้วยการพานางโลมที่กำลังเลื่องชื่อจากโรงโสเภณีมากำนัล เอยาวดีพบกับท่านดาบโดยไม่รู้ว่าท่านดาบเป็นใคร ท่านดาบตกหลุมรักเอยาวดีทันที แต่เอยาวดีไม่มีเวลาคิดเป็นอย่างอื่น จัดการเอาสมุนไพรยาเมาให้ท่านดาบปราบศัตรูเสวย แม้ทั้งคู่จะไม่ได้มีสัมพันธ์กัน แต่ท่านดาบก็หลงใหลเอยาวดีจนถอนตัวไม่ขึ้น แม้ว่าหม่อมนวลจะพยายามให้ใกล้ชิดกับเจ้าหญิงองค์ปลอมในวัง แต่ท่านดาบก็ไม่สนใจ

นายก้าน (เบญจพล เชยอรุณ) ทาสยังรับใช้ใกล้ชิดจอมกะล่อนของท่านดาบ รู้ดีว่าหัวใจของท่านดาบนั้นอยู่ที่ใคร คุณหลวงอรรถ (วิศรุต วิจิตรานนท์) ข้าราชการฉ้อฉล ที่กำลังทรงอิทธิพล เคยมาเที่ยวที่โรงโสเภณี และคิดไปว่าตนได้นอนกับเอยาวดี หลวงอรรถหลงใหลเอยาวดี ทุ่มเงินขอซื้อเอยาวดีจากจีนฮง แต่จีนฮงปฏิเสธ หลวงอรรถจึงจัดสินใจดักฉุดเอยาวดี เดชะบุญที่ท่านดาบมาพบเข้าและช่วยได้ เอยาวดีจึงตัดสินใจหนีไปกบดานในชุมชนของชาวเชียงน้อย ท่านดาบรับรู้เรื่องราวดังกล่าวก็ทำใจทอดทิ้งเอยาวดีไม่ได้ จำใจเป็นผู้พาเอยาวดี เดินทางขี่ม้าเข้าไปในชุมชนของชาวเชียงน้อยด้วยตนเอง อองดินว้าวุ่นใจนัก

แม้จะรู้ว่าเอยาวดีปลอดภัย อองดินหลงรักเจ้าหญิงเอยาวดีฉันท์ชู้สาวมาตั้งแต่เด็ก การรับรู้ว่าเอยาวดีรอนแรมสองต่อสองเข้าไปในป่าพร้อมชายอีกคนนั้นทำให้หัวใจอองดินเจ็บปวด นางวาดเองก็เศร้าสร้อยไม่ต่างกับอองดิน หลายวันมานี้นางวาดเริ่มใฝ่ฝันว่าเมื่อตนกับท่านชายดาบผูกสมัครรักใคร่กัน ในวันที่ความจริงถูกเปิดเผย เมื่อได้เป็นเมียเจ้า ตนก็จะปลอดภัยแถมยังพ้นจากสถานะของความเป็นทาส หลวงอรรถเมื่อรู้ว่าเอยาวดีหายไป ภายใต้การปกป้องของท่านดาบไม้เบื่อไม้เมากับตนก็ยิ่งโมโหมากขึ้น เขาพากลุ่มนักเลงออกติดตามท่านดาบไปตามทาง ชีวิตของเจ้าหญิงเอยาวดีและนางทาสวาดซึ่งสลับตัวกันผจญชีวิตและเรื่องราวความรักของสองคู่จะลงเอยอย่างไรก็ต้องติดตามชมใน ละครทาสรัก

วันพฤหัสบดีที่ ๑๙ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๔

aketarot-รู้หรือไม่ กระเทียมดีต่อสุขภาพ

aketarot-รู้หรือไม่ กระเทียมดีต่อสุขภาพ

กระเทียมเป็นส่วนหนึ่งของเมนูอาหารที่เราใช้ปรุงแต่งรสชาติให้มีความอร่อยมากขึ้น แล้วรู้หรือไม่ว่า กระเทียมมีสรรพคุณที่ที่ดีต่อร่างกายและยังมีสารที่ช่วยไม่ให้เป็นมะเร็ง ปัจจุบัน นักวิทยาศาสตร์พบว่า กระเทียมมีทั้งสารต้านอนุมูลอิสระ และไฟโตนิวเตรียนท์ สามารถใช้เสริมสุขภาพและป้องกันโรคได้สารพัด วันนี้เราจะมาพูดกันถึงบทบาทของกระเทียมดีต่อสุขภาพในมุมมองของสารต้านอนุมูลอิสระและสารต้านมะเร็ง ดังมีรายละเอียดของสารที่มีผลต่อสุขภาพ และมีบันทึกการใช้กระเทียมรักษาอาการและโรค ดังต่อไปนี้

1. กระเทียมมีสารอัลลิซิน ซึ่งเป็นรสเผ็ดร้อน เป็นสารต้านเชื้อแบคทีเรียและเชื้อรา จากงานวิจัยสารสกัดจากกระเทียมสามารถฆ่าเชื้อแบคทีเรีย E. coli, H. pylori, Salmonella และ Shigella ได้เลย

2. กระเทียมมีสารอัลลิน, อโจเน, ไดอัลลิลซัลไฟด์, ไดทิอิน ซึ่งเป็นสารประกอบกำมะถัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งไดอัลลิลซัลไฟด์ เป็นสารที่ทำให้กระเทียมมีกลิ่นฉุน ทั้งหมดนี้ทำให้กระเทียมสามารถใช้แก้อาการอักเสบได้

3. กระเทียมมีสารไฟโตอเล็กซิน, อัลลิกซิน เป็นสารต้านอนุมูลอิสระฤทธิ์แรง มีผลต่อทั้งต้านอาการอักเสบ ต้านแบคทีเรีย สามารถยับยั้งสารก่อมะเร็ง

4. กระเทียมสดลดไขมัน

5. กระเทียมลดอาการอักเสบ กระเทียมสามารถลดอาการอักเสบในร่างกาย ที่ไม่ใช่อาการติดเชื้อ เช่นโรคข้อรูมาตอยด์ลง เนื่องจากกระเทียมสามารถยับยั้งเอนไซม์ไซโตไคน์ ที่เกี่ยวข้องกับอาการอักเสบ

6. กระเทียมบำรุงตับ กระเทียมสามารถเร่งการขับน้ำดี ดังนั้นจึงเหมาะสำหรับผู้สูงอายุที่มีน้ำดีจางลง จะได้ไม่เกิดอาการท้องอืดเฟ้อ อาหารไม่ย่อยหลังจากกินอะไรมัน ๆ

7. กระเทียมแก้อาการจุกเสียดแน่นท้อง อาหารไม่ย่อย

8. กระเทียมรักษากลากเกลื้อน เนื่องจากมีงานวิจัยพบว่ากระเทียมสามารถต้านเชื้อราที่ผิวหนังได้ดี


ที่มา นิตยสารขวัญเรือน

วันอังคารที่ ๑๗ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๔

aketarot-เครื่องดื่มเสริมกำลัง



aketarot-เครื่องดื่มเสริมกำลัง

ตอนเช้าเป็นช่วงเวลาที่สำคัญมาก ที่เราควรเลือกของกินที่ดีมีประโยชน์ ให้ร่างกายได้ใช้เป็นพลังงาน และยังช่วยให้มีสุขภาพแข็งแรง เครื่องดื่มที่ความเลือกดื่มนั้นก็คือ

***น้ำมะนาว : ลอง หาน้ำมะนาวมาดื่มตอนเช้า เพราะในน้ำมะนาวจะมีกรดซิตริก มีวิตามินซีที่นอกจากจะช่วยขับเสมหะ แก้อาการเจ็บคอแล้วยังช่วยให้ร่างกายสดชื่น แถมกลิ่นหอมอ่อน ๆ จากเปลือกที่โดนคั้นยังช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายได้อีก

***น้ำขิง : สำหรับ คนที่มีอาการคลื่นไส้ อยากอาเจียน ก็ขอแนะนำน้ำขิงร้อน ๆ สักแก้ว เพราะในขิงมีสารเคมีชนิดหนึ่งที่เรียกว่า จินเจอรอล เป็นสารเคมีประเภทน้ำมันหอมระเหย จัดอยู่ในกลุ่มแอลกอฮอล์ที่ไม่ทำให้รู้สึกมึนเมา แถมยังแก้อาการเมาได้ดี การทำน้ำขิงให้อร่อยนั้น ควรบุบหัวขิงที่ไม่แก่จัดจนเกินไป ต้มด้วยน้ำร้อนพอเดือด อย่าต้มนานเกินไป เพราะขิงจะเสียรสและกลิ่นไปได้

***น้ำผักหรือน้ำผลไม้ : เป็น เครื่องดื่มที่อุดมไปด้วยวิตามินหลายชนิด โดยเฉพาะวิตามินซี วิตามินเอ โฟลิคแอซิด และแร่ธาตุ เช่น โซเดียม โปแตสเซียม สังกะสี นอกจากนั้นในน้ำผักและน้ำผลไม้ยังมีส่วนผสมของน้ำตาลโดยธรรมชาติ ซึ่งสามารถให้พลังงานแก่ร่างกาย ช่วยให้หายเหนื่อย หายเพลีย ทำให้ร่างกายรู้สึกสดชื่น

***น้ำหวาน : น้องๆ ที่ นอนดึกส่วนใหญ่ยามเช้าจะมีอาการปวดหัว มึนศีรษะ เกิดอาการเครียดทางประสาท ซึ่งอาจเป็นเพราะร่างกายพักผ่อนไม่เพียงพอ ควรรับประทานอาหารเช้าที่มีแป้งและน้ำตาลซึ่งจะสามารถช่วยได้ โดยเฉพาะน้ำตาลนั้นจะถูกดูดซึมได้ดีและง่าย ดังนั้นน้ำหวานจะทำให้จิตใจสงบ คลายอาการเครียดและมึนงงได้อย่างดี

***นมถั่วเหลือง : เหมาะสำหรับคนที่รักสุขภาพ เพราะนมถั่วเหลืองเป็นเครื่องดื่มที่ให้โปรตีนที่มีคุณสมบัติเหมือนโปรตีนจากเนื้อสัตว์

วันพุธที่ ๑๑ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๔

aketarot-เรื่องย่อ เลดี้บ้านนา


aketarot-เรื่องย่อ เลดี้บ้านนา

เมื่อสาวไฮโซบังเอิญไปเห็นเหตุการณ์ฆาตกรรมของผู้มีอิทธิพล ภัยก็มาถึงตัว เธอจำเป็นต้องหนีไปตั้งหลักก่อนยังสถานที่ที่ไกลความเจริญ ด้วยความไฮโซของเธอ จะปรับตัวให้อยู๋บ้านนาได้หรือไม่ ติดตามได้ใน aketarot-เรื่องย่อ เลดี้บ้านนา

เรวดี หรือ ดีดี้ (สุนิสา เจทท์) สาวสวยไฮโซ ลูกสาวเศรษฐีที่ใช้ชีวิตอย่างสุขสบายบนมรดกที่พ่อแม่ทิ้งไว้ ในระหว่างที่เธอกำลังมีความสุขอย่างที่สุด หลังจากได้ฉีกหน้าเพื่อนสาวไฮโซกลางงานเดินแบบ ก็ได้ไปพบเห็นการฆาตกรรมเลขาของท่านอำนาจ ผู้มีอิทธิพลชื่อดัง อำนาจจึงสั่งให้ ยศ (วีระชัย หัตถ์โกวิท) มือปืนข้างกายออกตามไล่ล่า

เรวดีที่หนีเอาชีวิตรอดได้รับความช่วยเหลือจาก จรัญ (ณัฐนันท์ จันทรวิโรจน์) ตำรวจหนุ่มผู้ทำคดีนี้ แต่ต่อมาไม่นานพวกของอำนาจที่ได้เห็นเรวดีผ่านสื่อต่าง ๆ จึงรู้ได้ทันทีว่าเธอคือ คนที่เห็นเหตุการณ์ฆาตกรรม เรวดีตั้งใจจะไปแจ้งความ แต่ถูกจรัญห้ามไว้และแนะนำให้หาหลักฐานให้แน่นหนา เสียก่อน และขอให้เธอหลบไปเก็บตัวเพื่อความปลอดภัย นั่นก็คือ หมู่บ้าน บ้านดอน ซึ่ง พายัพ (วิทยา วสุไกรไพศาล) เพื่อนของเขาอาศัยอยู่ เมื่อสาวไฮโซอย่างเรวดีต้องไปอาศัยอยู่ในต่างจังหวัด เธอจึงวาดฝันไว้ว่า จะได้ไปใช้ชีวิตอย่างสวยงามมีบ้านสไตล์ยุโรปบนเนินเขา เขียวขจี เธอจึงขนเสื้อผ้าใส่กระเป๋าแบรนด์เนมไปหลายใบ เมื่อมาถึง จรัญพาเรวดีไปบ้านพายัพ ซึ่งเป็นแค่บ้านไม้สองชั้นสุดแสนธรรมดา และได้พบกับ พยอม (ดวงตา ตุงคะมณี) แม่ของพายัพ และ พัดชา (ปจิตรา ภรณ์เจริญ) น้องสาวสุดห้าวของพายัพ


ในครั้งแรกที่เจอพยอมกับเรวดีก็เขม่นใส่กันทันที จนพัดชาต้องพาเรวดีไปยังบ้านหลังเล็กท้ายนาก่อนจะเกิดเรื่อง ที่กระท่อมปลายนา เรวดีต้องใช้ชีวิตอย่างลำบาก ทำให้เธอนอนไม่หลับ แล้วจู่ ๆ เธอก็ได้ยินเสียงจากด้านนอก เธอคว้าไม้ตีใส่แขกไม่ได้รับเชิญไม่ยั้ง พัดชากับ จ้อน (ณภัทร ปัทมสิงห์ ณ อยุธยา) ลูกน้องของพายัพวิ่งมาดู เรวดีจึงได้รู้ว่าชายคนนั้นก็คือ พายัพนั่นเอง ทั้งคู่ต่างเถียงกันว่าตัวเองเป็นฝ่ายถูก ทั้งสองจึงไม่ชอบหน้ากันตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

เรวดีที่ไปเหมาซื้อเครื่องใช้มามากมาย ได้ตกเป็นเป้าสายตาของคนในหมู่บ้าน รวมทั้ง ธัชชัย (ปิติศักดิ์ เยาวนานนท์) นายอำเภอหนุ่มที่ตกหลุมรักเรวดีตั้งแต่แรกเห็น และเป็นชายหนุ่มที่พัดชาแอบชอบมานาน ต่อมาเมื่อเงินเริ่มร่อยหลอลง เธอจึงได้นำของแบรนด์เนมออกขายในราคาถูกสุด ๆ แต่ก็ไม่มีใครซื้อเลยสักคน เมื่อพายัพรู้จึงให้เงินพัดชาไปซื้อของของเรวดี ทำให้เรวดีเห็นคุณค่าของเงินมากขึ้น และใช้เงินก้อนนี้อย่างประหยัดที่สุด วันหนึ่งพายัพพูดจายียวนจนเรวดีโกรธ เธอจึงเดินลุยคันนาไปต่อว่าเขา แต่เธอกลับลื่นล้มลุกขึ้นไม่ได้ พายัพจึงเข้ามาช่วยจับมือประคอง


บังเอิญใบบัว (เพชรลดา เทียมเพชร) ลูกสาวสุดเปรี้ยวของ เสี่ยบุญมี (เกริก ชิลเลอร์) พ่อค้าหน้าเลือดประจำหมู่บ้าน ที่หมายตาพายัพมานานมาเห็นเข้า พร้อมกับ ส้มจี๊ด (หมวย ชวนชื่น) ลูกน้องคู่ใจก็ตรงรี่เข้าไปหาเรื่องเรวดีทันที โดยมี ตุ่น (ธเนศ ภูผานี) ลูกน้องของเสี่ยเป็นคนช่วย เรวดีเองก็ไม่ยอมจึงตบตีกัน แต่เมื่อสู้เรวดีไม่ได้ ใบบัวเลยนำเรื่องไปฟ้องพยอม พร้อมใส่ร้ายเรวดีว่า ให้ท่าพายัพ ทำให้พยอมไม่พอใจเรียกพายัพมาต่อว่า และสั่งห้ามไม่ให้คว้าผู้หญิงอย่างเรวดี มาทำเมีย วันหนึ่งเมื่อเรวดีลื่นล้มขาแพลง พายัพเองก็เข้ามาช่วยดูแล โดยอ้างว่าทำไปเพื่อจรัญ แต่แท้จริงแล้วเป็นเพราะใจของเขาเอง

ส่วนจ้อนที่รู้ความรู้สึกของเจ้านาย จึงพยายามช่วยอย่างเต็มที่ แต่กลายเป็นว่าทำให้เรวดีขาแพลงหนัก จนไม่สามารถไปไหนมาไหนได้ พายัพจึงชวนเรวดีทำกิจกรรมต่าง ๆ แก้เบื่อ ความใกล้ชิดของทั้งคู่ ทำให้พายัพสุขใจและเรวดีเองก็เริ่มหลงใหลที่นี่แล้ว ในช่วงที่รอข้าวโต ชาวบ้านได้เตรียมพากันไปเป็นคนใช้แรงงานในเมือง ตามคำชวนของเสี่ยบุญมี พายัพที่ไม่อยากให้ชาวบ้านไปได้ไปปรึกษากับธัชชัย เรวดีได้ออกความเห็นว่า ควรมีรายได้เสริมให้ชาวบ้าน โดยนำสินค้าที่มีอยู่แล้วมาดัดแปลง เพื่อนต่างชาติของพายัพประทับใจและสั่งซื้อสินค้าไปขายในต่างประเทศ ทำให้ชาวบ้านดีใจเป็นอย่างมาก


พยอมเริ่มเห็นความดีและความตั้งใจที่เรวดีทำเพื่อหมู่บ้าน แต่ด้วยทิฐิทำให้เธอยังคงไม่พอใจเรวดี ส่วนพัดชาก็บังเอิญเห็นเรวดีจับมือกับธัชชัย ทำให้เธอเข้าใจผิดคิดว่า ถูกเรวดีหักหลัง หลังจากวันนั้นพัดชาก็เอาแต่เก็บตัวอยู่ในห้อง จนพายัพเป็นห่วงจึงคาดคั้นหา ความจริง เมื่อรู้เรื่องก็ไปต่อว่า เรวดีที่หักหลังน้องสาวและยังทรยศจรัญอีก เรวดีปฏิเสธเพราะความจริงแล้ว เธอแอบรักพายัพนั่นเอง ทั้งสองทะเลาะกันอย่างรุนแรง ด้วยความโกรธพายัพดึงเธอมาจูบ เรวดีเสียใจมากและตัดสินใจหนีกลับกรุงเทพฯ

ต่อมาจรัญบอกพายัพให้รู้ถึงสาเหตุที่เรวดีมาอยู่ที่หมู่บ้าน เรวดีกลับมาที่คอนโดและถูกลอบยิงแต่โชคดีที่พายัพมาช่วยไว้ทัน พายัพที่เข้าใจเรื่องทั้งหมดขอโทษเธอ ทั้งสองเข้าใจกันแล้วพากันกลับมายังหมู่บ้าน คืนนั้นเรวดียังคงหวาดกลัวจากเหตุการณ์ถูกไล่ยิง พายัพจึงต้องนอนเป็นเพื่อนเธอที่บ้านทั้งคืน ทำให้ชาวบ้านต่างพูดกันว่า พายัพกับเรวดีได้เสียเป็นผัวเมียกันแล้ว พายัพจึงตัดสินใจประกาศแต่งงานกับเรวดี ทั้งที่ยังไม่ได้บอกความในใจกับเรวดีเลย

คืนหนึ่งเกิดเหตุการณ์เพลิงไหม้โกดังเก็บสินค้าของหมู่บ้าน เรวดีจึงได้คิดแผนจับผู้ร้ายวางเพลิง ทำให้ได้รู้ว่าทั้งหมดเป็นแผนของเสี่ยบุญมีและใบบัว ตอนแรกชาวบ้านจะให้ตำรวจจับสองพ่อลูก แต่เรวดีให้โอกาสโดยให้พวกของเสี่ยบุญมี นำสินค้าของหมู่บ้านไปขายให้ได้ในหนึ่งอาทิตย์ ในระหว่างที่เร่ขายของกันอยู่นั้นก็ไปพบกับลูกน้องของอำนาจ ทำให้อำนาจรู้ว่าเรวดีอยู่ที่ไหนและสั่งให้ลูกน้องไปฆ่าเรวดีทันที เรวดีจะสามารถรอดพ้นจากการตามล่าของอำนาจได้หรือไม่ แล้วความรักของ เธอ กับ พายัพจะจบลงอย่างไร ต้องติดตามชม ละครเลดี้บ้านนา

วันอังคารที่ ๑๐ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๔

aketarot-เรื่องย่อ เสน่ห์บางกอก


aketarot-เรื่องย่อ เสน่ห์บางกอก

บางกอกเมืองฟ้าอมร เป็นสถานที่ที่ใคร ๆ ก็อยากมาอยู่ เมื่อชายหนุ่มบ้านนอกคนหนึ่งฝันอยากเป็นนักร้องชื่อดัง เขาหาทางมุ่งตรงเข้ามาที่บางกอก เพื่อทำความฝันของเขาให้เป็นจริง แต่ทว่าหนทางก็ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ มาติดตามเรื่องของเขาได้ใน aketarot-เรื่องย่อ เสน่ห์บางกอก

บนเวทีคอนเสิร์ตยิ่งใหญ่ แก้วทิพย์ นักร้องลูกทุ่งสาวดาวรุ่งมาแรง กำลังร้องเพลงอย่างสนุกสุดเหวี่ยง คนดูล้นหลาม หลังเวที แพร พนมพร นักร้องหน้าใหม่ และเพิ่งจะได้ขึ้นเวทีคอนเสิร์ตเป็นครั้งแรก เตรียมตัวจะขึ้นร้องเป็นคนต่อไป แพรตื่นเต้นมากจนเดินสะดุดพื้นเวทีล้มลง พร้อมกับเสียงปลุกของ ผึ่ง เพื่อนรัก ที่แท้แพรกำลังฝันนั่นเอง เขาพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อจะได้ไปถึงฝัน เมื่อมีงานประกวดร้องเพลงที่หมู่บ้านข้าง ๆ แต่เหมือนฟ้าไม่เป็นใจ ไม่ทันที่แพรจะออกไปจากบ้าน

กำนันปลั่งก็กลับมาเสียก่อน แพรจึงต้องออกอุบายว่าไม่สบาย แล้วเปลี่ยนตัวกับผึ่งเพื่อนรักของเขาให้มานอนคลุมโปงแทน ส่วนตัวแพรก็กระโดดหน้าต่างหนีไป ระหว่างทางที่เขาขี่รถมอเตอร์ไซค์เพื่อไปที่งานวัด รถของเขาก็เกิดอุบัติเหตุเฉี่ยวเข้ากับรถมอเตอร์ไซค์ของสไบ สาวจอมแก่นเซี้ยวห้าวราว เมื่อรถของแพรมาเฉี่ยวทำให้ข้าวของตกแตกเสียหายหมด สไบจึงโวยวายใส่แพร แต่ด้วยความรีบแพรไม่มีเวลาคุย จึงขี่รถจะไปงานวัด สไบจึงถีบแพรตกท้องร่อง ทำให้แพรเลอะโคลนเต็มตัว แพรโกรธสไบมาก

สายสุนีย์ ลูกสาวเจ้าของโรงสีในหมู่บ้านขับรถกระบะผ่านมาพอดี จึงรับแพรขึ้นรถและพาไปส่ง สไบจึงไปฟ้องกำนันปลั่งที่บ้าน ทำให้กำนันรู้ว่าแพรไม่ได้นอนอยู่ในห้องแต่เป็นผึ่ง กำนันโกรธมากเมื่อรู้ว่าแพรหนีไปร้องเพลง แพรโกรธแค้นสไบมากที่มาทำลายโอกาสของเขา แพรจะไม่มีวันญาติดีกับสไบอย่างเด็ดขาด เมื่อไม่ได้ประกวดร้องเพลงที่งานวัด แพรจึงแกล้งทำเป็นไม่สนใจร้องเพลง และโกหกพ่อแม่ว่า สอบเอ็นต์ติดต้องใช้เงิน ลงทะเบียนถึงเงิน2แสน

สไบแอบรู้เรื่องที่แพรโกหกนี้จึงบอกให้แพรพูดความจริง ถ้าแพรไม่พูดสไบจะพูดเอง กำนันปลั่งกับแม่ช้อยเข้ามาได้ยินพอดีความจึงแตก เมื่อกำนันกับแม่ช้อยรู้ความจริงว่า แพรไม่ได้เอ็นต์ติด จึงบังคับแพรให้แต่งงานกับสไบทันที แม่ช้อยไปดูดวงให้แพรมา หมอดูบอกว่า แพรจะพ้นเคราะห์ได้ และได้เป็นปลัดอำเภอสมใจก็ต้องบวชเสียก่อน กำนันจึงจัดงานบวชแพร และว่าจ้างวงดนตรีลูกทุ่งชื่อดังมาแสดงในงาน ซึ่งก็คือวงของแก้วทิพย์นั่นเอง แก้วทิพย์มากับศักดิ์ชายผู้เป็นทั้งพ่อและผู้จัดการ

แพรดีใจมากพยายามตีสนิทแก้วทิพย์ แพรจึงตัดสินใจหนีเข้ากรุงเทพฯ พร้อมขบวนของวงลูกทุ่งแก้วทิพย์ โดยขโมยพระสมเด็จของพ่อไปด้วยเพื่อเอาไปขาย เอาเงินมาเป็นทุนในการทำเดโมเทปเสนอค่ายเพลง เมื่อมาถึงกรุงเทพฯ แพรมาขออยู่กับแก้วทิพย์ แต่แก้วทิพย์ไม่อยากรับไว้เพราะสำหรับกรุงเทพฯ แล้วแพรนับว่าบ้านนอกมาก แก้วทิพย์มีเสี่ยมาติดพันหลายคน จึงไม่อยากให้ใครเห็นว่าเธอคบหากับเด็กบ้าน นอกอย่างแพร แต่ศักดิ์ชายเห็นพระสมเด็จของแพรก็อยากได้ จึงยอมรับไว้ให้อยู่ด้วย แพรบอกศักดิ์ชายว่า ถ้าอยากได้พระของเขาก็ต้องให้เขาเป็นนักร้องออกอัลบั้มก่อน เขาจึงจะยกพระให้ศักดิ์ชาย ศักดิ์ชายวางแผนปล้นพระจากแพร แต่ปรากฏว่า พระที่แพรขโมยมาเป็นของปลอม คนละองค์กับที่กำนันให้ศักดิ์ชายดู แพรจึงถูกซ้อมแล้วโยนทิ้งข้างถนน

เมื่อกำนันรู้ว่าแพรขโมยพระหนีมากรุงเทพฯ ก็เป็นห่วงมากชวนผึ่ง ลั่นทม แม่ช้อย ตาเอี่ยม เข้ากรุงเทพฯ เพื่อตามหาแพร เมื่อแพรถูกซ้อมแล้วโยนออกมาจากบ้านแก้วทิพย์ ขณะที่แพรสะบักสะบอมนั้น ศศิมาก็มาพบเข้าจึงช่วยเหลือแพร พาแพรไปรักษาตัวที่บ้านเธอ ศศิมาเป็นนักร้องคาเฟ่ และเป็นเมียน้อยของสมพลเสี่ยเจ้าของค่ายมวย ซึ่งเมื่อเธอตั้งท้องสมพรรู้ก็ไล่เธอออกจากบ้าน แพรรู้เรื่องก็สงสารช่วยดูแลศศิมาอยู่ด้วยกันอย่างพี่น้อง คอยพาไปฝากท้องและ พาไปหาหมอ แพรออกหางานทำ ไปรับจ้างขับรถแท็กซี่ เจอคนจี้รถแท็กซี่ แต่โชคดีที่ชัยอดีตนักมวยชื่อดังมาช่วยไว้ได้ทัน ชัยจึงชวนแพรมาทำงานที่ค่ายมวยและเห็นแววของแพรที่จะเป็นนักมวยได้ ชัยแยกจากค่ายเดิมมาเปิดค่ายใหม่ของตัวเอง นักมวยตามชัยมาเยอะ

ทำให้สมพลเจ้าของค่ายเดิมไม่พอใจ ในวันขึ้นชกที่สนามมวย นักมวยของชัยถูกทำร้ายขึ้นชกไม่ได้ เหลือแค่แพรยังไม่พร้อมขึ้นชก แต่เมื่อได้เจอสไบที่มาดูมวยตามความชอบของเธอ สไบพูดยั่วแพรว่าไม่เป็นลูกผู้ชายไม่สู้คน ด่าว่าแพรต่าง ๆ นา ๆ จนแพรโกรธฮึดสู้และเอาชนะได้ในที่สุด ทำให้แพรดังในชั่วพริบตา มีนักข่าวมาสัมภาษณ์ แพรบอกว่าเขาอยากเป็นนักร้อง กำนันและทุกคนที่มาด้วย เห็นแพรทางทีวีในรายการมวย จึงรีบไปหาที่สนามมวย ทั้งหมดจึงได้พบกันต่างดีใจ ทุกคนจึงย้ายไปอยู่ที่ค่ายมวยของชัย


แต่ความดีใจของสไบก็ต้องชะงัก เมื่อเห็นศศิมาที่กำลังท้องเข้ามาดูแลแพรราวกับเป็นเมียแพร สไบเข้าใจผิดว่าศศิมาเป็นเมียแพร ทำให้เกิดอาการงอนเศร้าอยากกลับศาลาเกวียน เมื่อนักมวยของสมพล ขอย้ายมาอยู่ค่ายของชัยเพิ่มมากขึ้น จากการที่แพรชนะ สมพลจึงยกพวกบุกมาที่ค่ายของชัย และได้เจอศศิมาอยู่กับแพร จึงโกรธคิดว่า แพรเป็นชู้กับเมียน้อยตนเอง ศศิมาเสียใจต่อว่า สมพลเรื่องลูกในท้องทำให้ทุกคนรู้ความจริงว่า เด็กในท้อง ไม่ใช่ลูกของแพร สไบจึงยอมเข้าใจและไม่หนีกลับศาลาเกวียน

ชัยสงสารศศิมา และแอบชอบศศิมาตั้งแต่แรก แต่เพราะคิดว่าเป็นเมียของแพรจึงไม่กล้าแสดงออก แต่ในเมื่อไม่ใช่ ชัยจึงแสดงความรักต่อศศิมาและขอดูแลเธอกับลูก เขาจะรับเป็นพ่อของเด็กเอง ก้านหนีคดีเผาบ้านเบิ้ม ที่ศาลาเกวียนเข้ามากรุงเทพฯ ก็มาอยู่กับสมพล เป็นนักเลงหัวไม้ประจำค่ายมวย เมื่อเห็นแพรก็ตามมาเล่นงานแพร เพราะแค้นที่สไบหนีจากศาลาเกวียนมาตามหาแพร และได้รู้ว่า สมพลไม่ถูกกับชัย ก้านจึงคิดแผนชั่วทำร้ายทั้งแพรและชัย ตามความฝันของแพรคือการเป็นนักร้อง สไบก็เห็นดีด้วยจึงเข้าไปสมัครเป็นคนรับใช้ในวงแดนเซอร์ คอยช่วยจัดชุดแดนเซอร์รับใช้คนในวงดนตรี ทำทุกอย่างเพื่อหวังจะใกล้ชิดกับการร้องเพลง

วันหนึ่งเมื่อถึงเวลาแสดงดนตรี นักร้องคั่นเวลาที่ร้องอยู่มาไม่ได้ แพรจึงเสนอตัวร้องแทน เมื่อแพรร้องเพลงจบได้รับเสียงปรบมือจากคนดูอย่างที่ทุกคนคาดไม่ถึง แถมรับพวงมาลัยหน้าเวทีคล้องคอจนล้น สไบยืนดูอยู่หลังเวทีดีใจน้ำตาคลอคิดว่าฝันของแพรต้องเป็นจริงแน่ ๆ หัวหน้าแดนเซอร์เข้ามาชื่นชม บอกแพรอย่าหยุดตัวเองแค่นี้หาหนทางเข้าไปสู่การ เป็นดาวให้ได้ แพรจึงไปสมัครประกวดในรายการชุมทางเสียงทอง แต่ก็ตกรอบแรก ซุ่มซ้อมกลับเข้าไปประกวดรายการชุมทางเสียงทองใหม่ได้รับ รางวัลชนะเลิศ มีค่ายเพลงสนใจอยากออกเทปให้แพร

กำนันคัดค้าน จะลากแพรกลับบ้านศาลาเกวียน แพรไม่ยอมกลับ เขาร้องให้กำนันเห็นแก่ความฝันของเขา ชีวิตนี้เขาอยากเป็นนักร้อง สไบเองก็ช่วยพูดกับกำนันให้ยอมใจอ่อน อนุญาติให้แพรได้เป็นนักร้อง กำนันจึงขอสัญญาแลกเปลี่ยนว่า หลังจากเป็นนักร้องแล้ว แพรกับสไบต้องแต่งงานกัน ทั้งสองยอมรับปาก ความดังของแพรไปถึงหูแก้วทิพย์กับศักดิ์ชาย แก้วทิพย์จึงมาออดอ้อนแพรต่าง ๆ นานาให้ยอมมาเป็นนักร้องในค่ายของเธอ และสร้างสถานการณ์ให้เกิดการเข้าใจผิดกับสไบและกำนัน จนแพรยอมยกเลิกสัญญากับค่ายเดิมไปอยู่กับแก้วทิพย์ สไบเสียใจมาก

ตอนนี้แพรไม่เชื่อใครแล้วนอกจากแก้วทิพย์ เพราะเธอทำให้แพรเป็นนักร้องดังได้มากกว่านี้ เธอสัญญากับเขาว่า จะจัดคอนเสิร์ตใหญ่ พร้อมกับเปิดอัลบั้มเพลงใหม่ที่จะส่งให้แพรดังสุด ๆ มันเป็นความฝันของแพร ศักดิ์ชายทำเพลงให้แพรอย่างจริงจัง เพื่อหลอกล่อให้แพรอยู่กับเขา และจะให้แพรแจ้งเกิดเป็นนักร้องลูกทุ่งระดับ อินเตอร์ในคอนเสิร์ตครั้งนี้ ศักดิ์ชายขู่กำนัน ถ้าไม่เอาพระมาให้เขาจะทำลายความฝันของแพรล้มเลิกการแสดง คอนเสิร์ตซึ่งจะทำให้แพรเสียชื่อเสียง เพราะจากยอดขายบัตรล่วงหน้าหลายหมื่นใบ แสดงว่าคนดูกำลังรอชมคอนเสิร์ตของแพร


กำนันกลัวว่าแพรจะเสียชื่อเสียงจึงยอมเอาพระไปแลก สไบสงสารกำนันจึงแอบไปหาแพรเตือนสติให้แพรตาสว่าง แต่กลับถูกแพรด่าว่า สไบขัดขวางความฝันของเขาและไล่สไบกลับศาลาเกวียน สไบเสียใจมาก แก้วทิพย์รู้ว่า สไบมาหาแพรก็ไม่พอใจ สั่งก้านสั่งสอนสไบโดยจับสไบมาข่มขืน ขณะที่แพรรอเวลาจะขึ้นคอนเสิร์ต เขาได้ยินแก้วทิพย์คุยกับก้านเรื่องให้ไปจับ สไบ แพรตกใจจึงรีบออกจากหลังเวทีเพื่อที่จะไปช่วยสไบ ก้านกับพวกฉุดสไบมาที่โกดังร้าง แพรกับชัยตามมาพบเกิดการต่อสู้กัน แพรพลาดท่า ถูกก้านแทง แต่ชัยช่วยแพรไว้ได้ ก้านกับพวกถูกชัยอัดสะบักสะบอมหนีไปได้ แพรเขาปกปิดบาดแผลของตัวเองไว้แล้วขึ้นเวทีร้องเพลงบนเวทีคอนเสิร์ต เมื่อร้องจนจบเพลง ร่างของเขาก็ค่อย ๆ ล้มลงบนเวที

สไบตกใจรีบเข้ามาดูก็พบว่า แพรบาดเจ็บทุกคน จึงรีบนำแพรส่งโรงพยาบาล แก้วทิพย์และก้านถูกตำรวจจับ ข้อหาจ้างวานให้ทำร้ายสไบและทำร้ายร่างกายแพรจนบาดเจ็บสาหัส แพรต้องนอนโรงพยาบาลอยู่หลายวันโดยมีสไบคอยดูแลอย่างใกล้ชิด เมื่อเรื่องทุกอย่างคลี่คลาย แพรก็ได้รู้ความจริงว่า ใครที่รักและหวังดีต่อเขาจริง ๆ แพรตัดสินใจกลับศาลาเกวียนกับกำนันและสไบ เขาขอสไบแต่งงาน กำนันยอมไปง้องอนนายเบิ้มเพื่อขอสไบให้กับแพร

นายเบิ้มกลั่นแกล้งกำนันต่าง ๆ กำนันยอมทำตามนายเบิ้มทุกอย่าง จนนายเบิ้มใจอ่อนยอมยกโทษให้ และยกสไบให้แต่งงานกับแพร กำนันเมื่อหมดหวังที่จะมีลูกชายเป็นปลัดอำเภอ ก็หันมาทุ่มเทให้ลูกสะใภ้แทน กำนันส่งสไบไปเรียนมหาวิทยาลัยจนจบรัฐศาสตร์และกลายเป็นปลัดอำเภอหญิงคนแรก ของศาลาเกวียนเป็นที่ภาคภูมิใจของทุกคน แพรกลายเป็นนักร้องลูกทุ่งชื่อดังที่ประกาศตนว่าแต่งงานแล้ว ไม่ว่าไปไหนเขาก็ต้องแนะนำให้ใคร ๆ รู้จักว่าสไบเป็นเมียของเขาเสมอจนเป็นที่ชื่นชมของวงการ

aketarot-เรื่องย่อละคร เรือนหอรอเฮี้ยน


aketarot-เรื่องย่อละคร เรือนหอรอเฮี้ยน

เมื่อวิญญาณผู้ยึดมั่นในความรัก รอคอยเจ้าสาวของเขามาเป็นเวลา 100 ปี และเมื่อเธอกลับชาติมาเกิดเป็นมนุษย์ และก็กำลังจะแต่งงาน เขาผู้รอคอยความรักมานาน ก็ไม่ยอมปล่อยให้โอกาสนี้หลุดลอยไป ติดตามความเฮี้ยนได้ใน aketarot-เรื่องย่อละคร เรือนหอรอเฮี้ยน

ณ ปี พ.ศ. 2453 หลวงบวรสงคราม (รวิชญ์ เทิดวงส์) ได้วางแผนกับชาวต่างชาติ เพื่อยึดแผ่นดินไทยแต่ถูกจับได้ จึงพาพวกหลบหนีโดย ชิงตัว หม่อมเจ้ามาลา (สุษิรา แอนจิลีน่า) ท่านหญิงที่หลวงบวรสงครามเตรียมการแต่งงานไปด้วย หม่อมเจ้ามาลาหมดรักหลวงสงครามแล้ว เพราะรู้ความจริงจึงฆ่าหลวงบวรสงครามและ ตนเองตายตามไป จนกาลเวลาผ่านมา 100 ปี พ.ศ. 2553 คฤหาสน์จันทราสุสานร้างกลางเขา ที่สิงสถิตย์ของหลวงบวรสงครามและสมุนทั้งสอง กระทิง (นิธิชัย ยศอมรสุนทร) และ กระทง (สุคนธวา เกิดนิมิตร) ทุกสิ่งทุกอย่างหยุดลงเพื่อดูการถ่ายทอดประกาศรางวัลดาวรุ่งดวงใหม่ และก็เฮสมดังคาด


เมื่อ รัตติกาล (สุษิรา แอนจิลีน่า) นักแสดงสาวสวยดาวรุ่งได้ก้าวขึ้น รับรางวัลนักแสดงนำดีเด่นแห่งปี และ ตะวันฉาย (หลุยส์ สก๊อตต์) เป็นผู้ที่ได้หัวใจเธอไปครอบครองเพียงผู้เดียว ความรักของรัตติกาลกับตะวันฉายถูกกีดขวางจาก หาญกล้า (มนตรี เจนอักษร) พ่อของรัตติกาล และคุณหญิงภัทรา (ดวงตา ตุงคะมณี) แม่ของตะวันฉาย รัตติกาลกับตะวันฉายได้รับการความช่วยเหลือจาก พัดชา (โชติมา นวคุณากร) และ พิชญ์ (ภูดิศ สุริยวงศ์) เพื่อนสนิท

ส่วนทางกระทิงและกระทงพยายามทำร้ายรัตติกาล แต่ตะวันฉายเข้ามาช่วยได้ทุกครั้ง ทำให้ความรักของทั้งคู่ยิ่งรักกันมากขึ้น คุณหญิงได้สั่งให้ตะวันแต่งงานกับ พิไลพร หรือ หนูดี (วิรากานต์ เสณีตันติกุล) ตะวันฉายจึงเตรียมการแต่งงาน โดยจัดเตรียมเรือนหอ และให้ ตะวันรอน (ภัทรภณ โตอุ่น) ผู้เป็นลูกพี่ลูกน้องคอยขัดขวางหนูดี ด้านหลวงบวรสงครามปลอมตัวเองเป็นมนุษย์ เพื่อเสนอภาพยนตร์ให้รัตติกาลเล่นเป็นนางเอก หวังจะเอาวิญญาณแต่ไม่สำเร็จ


ในวันที่รัตติกาลแต่งงานกับตะวันฉาย กระทงได้ปลอมตัวเป็นคนเพื่อให้รัตติกาลดื่มยาพิษและนำวิญญาณไปพร้อมกับนำ ร่างไปซ่อนไว้ที่คฤหาสน์ หลวงบวรสงครามได้พยายามให้รัตติกาลระลึกชาติที่แล้ว ส่วนตะวันฉายตั้งใจเป็นอย่างมาก ในการตามหารัตติกาลที่คฤหาสน์ แต่คุณหญิงภัทรา ผู้เป็นแม่ไม่ยอม และยื่นคำขาดให้เลือกระหว่างผู้หญิงที่ตายไปแล้วกับเรือนหอ ตะวันฉายจึงเลือกเรือนหอและยุติการค้นหาหวังว่า วันหนึ่งรัตติกาลจะกลับมาตาม คำสัญญาที่เคยให้ไว้ก่อนแต่งงาน

รัตติกาลรู้ว่า ปิ่นปักผมของหม่อมมาลาเป็นอาวุธที่หลวงบวรสงครามหวั่นกลัว จึงขโมยและ หนีออกมาอยู่ที่เรือนหอ และพยายามทำให้ตะวันรู้ว่าตนอยู่ โดยการเข้าสิงพัดชา เพื่อเตือนตะวันให้ระวังหลวงบวรสงคราม พิชญ์เสนอให้ใช้ปิ่นปักผมของหม่อมมาลาจัดการกับหลวงบวรสงคราม ตะวันฉายจึงไปตามหาร่างของรัตติกาลที่ป่าจันทรา ตะวันเกือบจะถูกหลวงบวรฆ่าตาย รัตติกาลจึงตัดสินใจมาช่วยจนวิญญาณจะสลายต้อง รีบกลับสู่ร่าง

รัตติกาลจะกลับเข้าสู้ร่างได้ทันเวลาหรือไม่ และจะได้แต่งงานกับ ตะวันฉาย หรือไม่ ต้องติดตามชม ละครเรือนหอรอเฮี้ยน