วันจันทร์ที่ ๑๓ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๖

aketarot-มาดูวิธีหาเงิน 80 ล้าน

 aketarot-มาดูวิธีหาเงิน 80 ล้าน

งานคือเงิน  เงินคืองาน  บันดานสุข   มาดูเทคนิคหาเงินจากการทำงานด้วยเวลาอันสั้น  (รู้แล้วอย่าทำตามนะจ๊ะ)

โจรปล้นธนาคาร ลองอ่านกันดู

 โจรปล้นธนาคารที่กวงซู โจรตะโกนคำแรกเมื่อชักปืนออกมาว่า

"ทุกคนอย่าขยับ เงินเป็นของรัฐ แต่ชีวิตเป็นของคุณ"

ทุกคนนอนอย่างสงบบนพื้น ไม่มีใครเสี่ยงชีวิตของตัวเองเพื่อปกป้องเงินของรัฐ

เราเรียกสิ่งนี้ว่า "เทคนิคการเปลี่ยนแนวคิด" บิดเบือนนิดเดียวความคิดเราก็เปลี่ยนไปไกลแล้ว
-------------------------------------------------

ผู้หญิงคนนึงนอนอยู่บนโต๊ะและกำลังจะกรี๊ด ทันใดนั้นโจรตะโกนใส่ผู้หญิงว่า "เรามีวัฒนธรรม ผมมาปล้นแบ๊งค์ ไม่ได้มาข่มขืนคุณ!!"

เราเรียกสิ่งนี้ว่า "การเป็นมืออาชีพ" ตั้งมั่นในเป้าหมายอย่างเดียวไม่ว่อกแว่ก
-------------------------------------------------

เมื่อโจรกลับถึงฐานลับ โจรวัยรุ่นที่จบการศึกษาระดับปริญญาโท MBA บอกกับรุ่นพี่โจรว่า "รุ่นพี่ เรามานับเงินกันว่าได้มาเท่าไหร่" แต่รุ่นพี่โจรที่จบเพียงชั้นประถมกล่าวว่า "แกนี่มันโง่มากเลย เงินตั้งเยอะตั้งแนะ จะนับยังไง คืนนี้ทีวีจะบอกเองแหล่ะว่าเราได้มาเท่าไหร่!!"

เราเรียกสิ่งนี้ว่า "ประสบการณ์" ซึ่งในปัจจุบันประสบการณ์มีค่ามากกว่าใบปริญญามากมายนัก
-------------------------------------------------

เมื่อโจรกลับไปแล้ว ผู้จัดการธนาคารสั่งให้รองผู้จัดการโทรหาตำรวจที่เบอร์ 191 แต่ผู้จัดการธนาคารกลับค้านว่า "เดี๋ยวๆๆ ใจเย็นๆ โจรเอาเงินไปเท่าไหร่ เรามานับกันก่อน แล้วบอกตำรวจว่าโจรเอาไปมากกว่านั้นอีก 5 ล้าน"

เราเรียกสิ่งนี้่ว่า "ว่ายตามน้ำ" หรือการเปลี่ยนวิกฤติเป็นโอกาส
-------------------------------------------------

ผู้จัดการกล่าวว่า "นั่นสิ จริงๆแล้วถ้ามีโจรมาปล้นธนาคารทุกเดือนก็ดีสินะ"

เราเรียกสิ่งนี้ว่า "การฆ่าเวลาเล่นๆ" ไม่มีอะไรจะดีไปกว่าความสุขของเราอีกแล้ว
-------------------------------------------------

วันถัดมา ทีวีทุกช่องออกข่าวกันว่ามีโจรปล้นธนาคาร 100 ล้านบาท แต่ว่าโจรที่ปล้นไปนับแล้วนับอีก ไม่ว่าจะนับกี่รอบ ก็นับได้แค่ 20 ล้านบาทเท่านั้น โจรโกรธมากแล้วพูดว่า "เราเสี่ยงตายและปล้นธนาคารออกมาได้แค่ 20 ล้านบาท แต่เจ้าผู้จัดการธนาคารแค่มันหัวไวนิดเดียว มันทำเงินได้ถึง 80 ล้านบาทเลย การศึกษามีดีอย่างนี้นี่เอง"

เราเรียกสิ่งนี้ว่า "ความรู้มีค่ามากกว่าทองคำ"
-------------------------------------------------

ผู้จัดการธนาคารยิ้มร่าอย่างแรง เพราะว่าอยู่ดีๆเขาก็มีเงินเพิ่มขึ้นถึง 80 ล้านบาท โดยที่เป็นความผิดของโจรปล้นธนาคาร

เราเรียกสิ่งนี้ว่า "โคตรโกง" เซียนเหนือเซียน แต่ไม่ใช่ในสิ่งดี

-------------------------------------------------

โตไปไม่โกงกันนะครับ แปลโดย แอดมิน Dektalent.com

ที่มา pantip.com

บ้านแก้วจักรพรรดิ์ ;สอนวิชาผังเศรษฐี

ชุมแพไพ่ยิปซีชี้ช่องรวย




วันอาทิตย์ที่ ๕ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๖

aketarot-น้ำผึ้งรักษาโรค

aketarot-้ำผึ้งรักษาโรค

 คนโบราณใช้น้ำผึ้งในการประกอบกับตัวยารักษาโรค  บ้างก็เอาน้าผึ้งมาทำเมนูอาหารคาวหวาน  ปัจจุบันมีผลงานทางวิทยาศาสตร์ที่บอกถึงสรรพคุณอันมากมายของน้ำผึ้งที่ช่วยรักษาอาการต่าง ๆ ของโรคได้...

 


aketarot-น้ำผึ้งรักษาโรค  มะเร็ง ตับแข็ง และอาการเรื้อรังต่าง ๆ ในช่องท้อง คือสิ่งที่คน พ.ศ.นี้หวาดระแวงมากที่สุด บ่อยครั้งที่หลายคนยังอยู่กับความวิตกกังวลอย่างไม่มีทางเลือก และไม่มีวิธีป้องกันภัยให้ตัวเอง แต่วันนี้ เงื่อนไขสุขภาพของพวกเราจะเปลี่ยนไป ด้วยน้ำผึ้งเพียงขวดเดียว และนี่คือคุณประโยชน์มหาศาลจากความหวานที่ไม่เป็นลม แต่ให้สรรพคุณเหมือนความขม

น้ำผึ้ง  Honey Benefit   ประกอบด้วยน้ำประมาณร้อยละ 20 น้ำตาลชนิดต่าง ๆ เช่น กลูโคส ฟรุกโตส และลีวูโลส ประมาณร้อยละ 79 โดยมีปริมาณน้ำตาล "ฟรุกโตส" มากกว่าน้ำตาล "กลูโคส" เล็กน้อย ทำให้น้ำผึ้งไม่ตกผลึก กรดชนิดต่าง ๆ ประมาณร้อยละ 0.5 ทำให้น้ำผึ้งมีรสเปรี้ยวเล็กน้อย โดยกรดที่พบมาก คือ กรดกลูโคนิก วิตามิน เอนไซม์ และแร่ธาตุแคลเซียม แมกนีเซียม โพแทสเซียม ฟอสฟอรัส ประมาณร้อยละ 0.5 โดยน้ำผึ้งที่มีสีเข้มจะมีปริมาณแร่ธาตุสูงกว่าน้ำผึ้งที่มีสีอ่อน น้ำผึ้ง 100 กรัม จะให้พลังงาน 303 แคลอรี

น้ำผึ้งมีคุณสมบัติทางยาคือ สามารถฆ่าเชื้อจุลินทรีย์ต่าง ๆ ได้ เพราะมีความเข้มข้นของน้ำตาลสูง ช่วยกำจัดปริมาณน้ำที่แบคทีเรียใช้ในการเจริญเติบโต รวมถึงน้ำผึ้งมีความเป็นกรดสูง และมีปริมาณโปรตีนต่ำ ซึ่งทำให้แบคทีเรียไม่ได้รับไนโตรเจนที่จำเป็น นอกจากนี้ น้ำผึ้งยังมีสารไฮโดรเจนเพอร์ออกไซด์ และสารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งจะมีคุณสมบัติช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย และลดความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งด้วย ดังนั้น เมื่อเราใช้น้ำผึ้งทาบาดแผลจึงสามารถฆ่าเชื้อแบคทีเรียได้ และทำให้แผลไม่เกิดการอักเสบ

ปัจจุบันได้มีการพิสูจน์และใช้กันอย่างกว้างขวาง ทั้งในวงการแพทย์อเมริกาและยุโรป รวมทั้งเป็นหนึ่งในกระสายยาสำคัญในหลายประเทศของเอเชีย ทั้งจีน ญี่ปุ่น และประเทศไทย

ดื่มทุกวัน เพื่อสุขภาพที่ดีและป้องกันมะเร็ง  วิธีใช้  น้ำผึ้งไม่ผ่านความร้อน (Raw Organic Honey) 3 ช้อนชา และน้ำส้มสายชูหมักแอปเปิ้ลไม่ผ่านความร้อน (Raw Organic Apple Cider Vinegar) 3 ช้อนชา ผสมน้ำเปล่า 1 แก้ว ดื่มทุกเช้าหลังตื่นนอน และระหว่างมื้อเป็นประจำทุกวัน

 เมนูสุขภาพลดความอ้วน นำผลไม้ต่าง ๆ มาหั่นเป็นลูกเต๋า เช่น มะละกอ กล้วย ส้ม ตามชอบ ราดด้วยโยเกิร์ต ลูกเกด และน้ำผึ้ง ไม่ผ่านความร้อน คุณก็จะได้อาหารเช้าที่มีประโยชน์ อร่อย อุดมด้วยวิตามิน แร่ธาตุอาหาร เอนไซม์ และโปรตีนที่ย่อยง่าย ดื่มให้หลับสบาย ผ่อนคลายตลอดคืน ใครนอนไม่ค่อยหลับ ลองผสมน้ำผึ้งกับน้ำอุ่น หรือนมร้อนจะช่วยให้หลับสบาย แต่ถ้าได้ร่วมกับการนั่งสมาธิสัก 5 นาทีก่อนนอน เพื่อให้ได้หยุดพักความคิดและปล่อยวางความเครียดลงบ้าง จะยิ่งทำให้นอนหลับสนิทต่อเนื่องตลอดคืน และตื่นมาอย่างสดใส ย้อนวัยผิวใส ผู้ที่มีปัญหาสิวเสี้ยน อดหลับอดนอนจนหน้าแห้งกร้าน

หรือต้องการบำรุงผิวหน้าให้ดูอ่อนเยาว์ ล้างหน้าด้วยน้ำอุ่น เช็ดให้แห้ง แล้วนำกล้วยหอมครึ่งลูกมาบดผสมกับน้ำผึ้งที่ไม่ผ่านความร้อน ทาบนหน้าทิ้งไว้ 10-15 นาที แล้วล้างออก เอนไซม์ในน้ำผึ้งจะคืนความชุ่มชื่นนุ่มนวลให้ผิวอย่างรวดเร็ว กำจัดสารเคมีและปลุกชีวิตเส้นผม หลังสระผมเสร็จ นำน้ำผึ้งไม่ผ่านความร้อน 3 ช้อนโต๊ะ ผสมกับน้ำมันมะกอก 3 ช้อนโต๊ะ ชโลมผมแล้วทิ้งไว้ 5 นาที ล้างออกด้วยน้ำสะอาด ผมจะนิ่มและเงางามตามธรรมชาติ ปราศจากสารเคมีใด ๆ

น้ำผึ้ง  แก้ไอ หลอดลมอักเสบ กำจัดเสมหะ ตำกระเทียม 1-2 กลีบให้ละเอียด ผสมกับน้ำมะนาวครึ่งช้อนโต๊ะ เกลือเล็กน้อย พิมเสน หรือการบูร 2-3 เกล็ด และน้ำผึ้ง 2 ช้อนโต๊ะกวาดคอทุกชั่วโมง

กำจัดทุกปัญหาเรื่องท้อง ๆ ท้องอืด ท้องเฟ้อ : ผสมน้ำผึ้งครึ่งช้อนโต๊ะกับน้ำขิงเข้มข้นครึ่งถ้วย เกลือเล็กน้อย ดื่มวันละ 3 เวลาหลังอาหาร ท้องผูก : ผสมน้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะกับน้ำอุ่นดื่มก่อนนอน ท้องเสียรุนแรง : ผสมน้ำผึ้ง 1-2 ช้อนโต๊ะ เกลือครึ่งช้อนชา และน้ำอุ่น 1 แก้ว จิบระหว่างวัน

โรคกระเพาะ : ดื่มน้ำผึ้ง 2-3 ช้อนโต๊ะขณะปวด และ 3 ช้อนโต๊ะก่อนนอน ล้างแผล แผล ฝี หนอง แผลเรื้อรัง

สูตรชะล้างแผล : ผสมน้ำผึ้ง 1 ส่วน น้ำ 9 ส่วน

บรรเทาฝี : โขลกหัวหอมแดง 2 หัวให้ละเอียด ผสมกับน้ำผึ้งครึ่งช้อนโต๊ะ พอกบนหัวฝี แล้วใช้สำลีหรือผ้าพันแผลชุบน้ำผึ้งปิดบริเวณแผล

แผลไฟไหม้น้ำร้อนลวก ถูกท่อไอเสีย : ใช้ผ้าพันแผลชุบน้ำผึ้งปิดแผล เปลี่ยนทุก 12 ชั่วโมง

ริดสีดวงทวาร : ดื่มน้ำผึ้งผสมกระเทียมโทน วันละ 3 ครั้งหลังอาหาร บรรเทาอาการตับแข็งจากสุรา ผสมน้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ กับน้ำครึ่งแก้ว ดื่มวันละ 3 ครั้งเป็นประจำ และดื่มน้ำผึ้ง 1-2 ช้อนโต๊ะก่อนนอน

รู้กันอย่างนี้แล้ว  ต้องมีน้ำผึ้งติดบ้านแล้วล่ะ 

 ขอบคุณ health.kapook.com

บ้านแก้วจักรพรรดิ์ รับปรึกษาการรักษาสุขภาพด้วยพลังปราณ 
ชุมแพไพ่ยิปซีชี้ช่องรวย
ฝึกสัมผัสพลังแก้วจักรพรรดิ


วันศุกร์ที่ ๓ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๖

aketarot-เคล็ดลับที่ทำให้เป็นหนุ่มสาว

aketarot-เคล็ดลับที่ทำให้เป็นหนุ่มสาว โกจิ เบอร์รี่ หรือเก๋ากี่

เก๋ากี่หรือ แฮปปี้ เบอร์รี่ หรือโกจิ เบอร์รี่ เริ่มเป็นที่รู้จักแพร่หลายขึ้น เมื่อถูกนำมาใช้เป็นส่วน ผสมหลักในอาหารเสริม และเครื่องดื่ม อันที่จริงแล้ว นอกจากนี้ เก๋ากี่ยังได้รับการยกย่องจาก นิตยสารไทม์ว่า เป็นสุดยอดผลไม้แห่งปี และเป็นเครื่องดื่มยอดฮิต ในหมู่ซุปเปอร์สตาร์ฮอลลีวูด ไม่ว่าจะเป็น มาดอนน่า, แคทเธอรีน ซีต้า โจนส์ และกวิเน็ต พัทโธรว์ จนได้รับการขนานนามให้เป็น "แฮปปี้ เบอร์รี่"


เคยสงสัยกันหรือไม่ว่า ทําไมดาวจรัสฟ้าแห่งวงการมายา ฮอลลีวู้ดหลายๆ คนถึงไม่ยอม แก่ลงเลย ไม่ว่าจะเจอสักกี่ปีก็เหมือนหยุดอายุผิวให้คงอ่อนเยาว์ กระจ่างใสได้ตลอดเวลา เคล็ดลับของพวกเธออยู่ที่ผลไม้สีแดง ลูกเล็กๆ ที่เรียกว่า เก๋ากี่ หรือ แฮปปี้ เบอร์รี่ หรือโกจิ เบอร์รี่ ที่เรียกได้ว่าจิ๋วแต่แจ๋ว เต็มเปี่ยมไปด้วยคุณค่าของ "สารแอนติออกซิแดนท์" เก๋ากี่ หรือ ลีเซียม บาร์บารุ่ม (Lycium Barbarum) คือ ผลของต้น เก๋ากี้ เป็นผลไม้ชนิดหนึ่ง ตระกูลเบอร์รีสีแดง มีลักษณะเป็นเมล็ดเล็กๆ ที่นิยมรับประทานในหมู่ชาวจีน ผลที่สุกแล้วจะมีสีแดงเหมือนเลือด จึงมีอีกชื่อหนึ่งว่า "ฮ่วยกี้" เป็นยาบำรุงชั้นดี มีฤทธิ์ปานกลาง รสหวาน เก๋ากี้ที่ดีต้อง มีเม็ดใหญ่ สีแดง เนื้อหนา อ่อนนิ่ม รสหวาน การเก็บรักษา ควรเก็บไว้ในที่แห้ง อย่าให้ชื้น จะทำให้เสื่อม คุณภาพ หรือขึ้นราส่วนมากเรารู้จักเก๋ากี้ในเชิงสมุนไพรสำหรับประกอบอาหารเสียมากกว่าส่วนที่ใช้เมล็ด ราก ก้านใบ และใบอ่อนส่วนที่ใช้กัน มากคือเมล็ดเก๋ากี่

เก๋ากี่ เป็นผลไม้ในตระกูลเบอร์รี่ที่มีถิ่นฐานอยู่ในแถบ เทือกเขาหิมาลัย จึงไม่ใช่เรื่องแปลกหากคุณไม่เคยได้ยินชื่อ ของโกจิเบอร์รี่มาก่อน เพราะถึงแม้ว่าผลไม้ดังกล่าวจะเป็นยาโบราณที่สําคัญ ที่ใช้ในประเทศเอเชียมาหลายชั่วอายุคนก็ตาม แต่ความลับด้าน ประโยชน์ทางโภชนาการของผลดังกล่าวยังคงเป็นความลับที่ชาวโลก ส่วนมากยังไม่ทราบ

ย้อนไป 4,000 ปี ก่อนคริสตกาล นักสมุนไพร ชาวหิมาลายัน ได้ค้นพบความลับที่มีค่ามากที่สุดคือผลโกจิเบอร์รี่ ท้องถิ่น ซึ่งต่อมาได้รับการถ่ายทอดสู่นักปรุงยาชาวจีน ทิเบต และอินเดีย จากการค้นคว้าและวิจัยของ Dr.Earl Mindell ค้นพบว่าผลโกจิเบอร์รี่ให้คุณค่าทางโภชนาการสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งมี สารแอนติออกซิแดนท์ในปริมาณมากถึง 25,300 (ในขณะที่ลูกพรุนซึ่งมีสารแอนติ-ออกซิแดนท์เป็นลําดับที่2 มีเพียง 5,700 ORAC เท่านั้น) โดยสารออกซิแดนท์ ที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติเมื่อแก่ตัวลง เป็นสาเหตุสําคัญของความแก่ก่อนวัยอันควร

 สารสำคัญที่พบในเก๋ากี่

• กรดอะมิโน 18 ชนิด 
• สังกะสี, 
• เหล็ก, 
• ทองแดง, 
• แคลเซียม, 
• เจอมันเนียม, 
 • เซเรเนียม 
• ฟอสฟอรัส มีโปรตีนมากกว่าโฮลวีต มีวิตามิน ซี เอ และบี 2 มีแอนติอ็อกซิแดนต์คาโรตีนอยด์ จำนวนมากเช่น ไทอามีน เบต้า แคโรทีนและซีซานทีน มีพอลิแซ็กคาไรด์ 22 ชนิด โดยมี 4 ชนิดที่ช่วยเสริมระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายได้ ซึ่งทำหน้าที่เหมือนโมเลกุลหลักในร่างกาย เมื่อเกิดการทำงาน ร่วมกันแล้วจะทำหน้าที่เป็นตัวควบคุมและนำพาคำสั่งต่างๆ ซึ่งเซลล์ ของร่างกายใช้ในการติดต่อสื่อสารถึงกัน ผลลัพธ์คือระบบการทำงานของร่างกายจะสมบูรณ์ขึ้น และร่างกายใช้เพื่อซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอเป็นประจำ เพื่อสุขภาพ ที่ดีมีอายุยืนยาว

สรรพคุณ
 • แก้ไอ วิงเวียนศรีษะ
 • ยาบำรุงร่างกายให้แข็งแรง
 • แก้อาการอ่อนเพลีย
 • บำรุงไต ปอด เลือด ตับ และสายตาเพิ่มความสามารถในการ มองเห็น รักษาโรคตาบอดกลางคืน
 • แก้โรคไตพร่อง
 • ช่วยดูแลเรื่องผิวพรรณ ชะลอความชรา ลดน้ำหนัก
 • เพิ่มภูมิคุ้มกันโรค ช่วยต่อต้านมะเร็งและสามารถหยุดการเติบโต ของเซลล์มะเร็ง
 • ลดระดับคอเลสเตอรอลและระดับน้ำตาลในเลือดผู้เป็นเบาหวาน
 • ลดความดันโลหิต
 • ยับยั้งการเกิดไขมันอุดตันในเส้นเลือด
 • ช่วยให้หัวใจแข็งแรง
 • ช่วยสร้างเม็ดเลือดแข็งแรง
 • ปรับปรุงเซลล์เม็ดเลือดขาว
 • เพิ่มสมรรถภาพทางเพศ ช่วยระบบเจริญพันธุ์
 • ป้องกันอาการคลื่นไส้ของหญิงมีครรภ์
 • ลดอาการอักเสบและโรคไขข้ออักเสบ
 • เพิ่มความแข็งแรงให้กล้ามเนื้อ กระดูก ช่วยให้เหงือกแข็งแรง
 • ปรับปรุงระบบการย่อย
 • ป้องกันโรคภูมิแพ้
 • ลดความเครียด อาการปวดศีรษะ
 • ช่วยในการนอนหลับ
 • ช่วยในเรื่องความจำ
 • ทำให้รู้สึกสดชื่น การใช้ เป็นเครื่องปรุงอาหารได้ เช่น ตุ๋นกับเนื้อสัตว์เป็นอาหาร บำรุง โดยทั่วไปใช้เก๋ากี้ประมาณครั้งละ 6-12 กรัม ต้มรับประทาน น้ำ ดื่มแทนน้ำชาทำเป็นยาเม็ดลูกกลอน ดองเหล้า หรือต้มจนเปื่อย กรองเอากากออก ทำเป็นขนมรับประทานเป็นของว่าง เหมาะกับ คนทุกเพศทุกวัย

ซึ่งในยุคนี้ มีเทคโนโลยีและนวัตกรรม ใหม่ๆ สามารถเปลี่ยนเก๋ากี้ ให้กลายมาเป็นน้ำผลไม้สกัดเข้มข้น รสชาติอร่อย กลายเป็นผลิตภัณฑ์อาหารเสริมที่อยู่ในรูปน้ำผลไม้ เสริมสร้างและบำรุงสุขภาพเห็นหลายเว็บ ขายน้ำโกจิเบอร์รี่ ซึ่งขอบอกว่าราคาแพงมาก แพง จนน่าตกใจเลย เพราะว่า แท้ที่จริงก็คือเก๋ากี้ เราก็สามารถทำ กินเองที่บ้านได้ โดยเม็ดของเก๋ากี้เองก็มีหลายพันธุ์

แต่ขอแนะนำให้รับ ประทานพันธุ์ที่เป็นสีแดงครับ  สารอาหารเยอะกว่า เพราะว่าเก๋ากี้ มีปลูกทั่วไปในประเทศจีน แต่ที่ปลูกในมณฑลหนิงเซี่ย กานซู่ เหอเป่ย ส่านซี นั้นทีสรรพคุณดีที่สุดซึ่งโกจินี้ อเมริกาได้ส่งนักวิจัยไปศึกษาถึงประเทศจีนเลย ว่ามีประโยชน์อย่างไร

ขอขอบคุณ BP http://unyamanee.it4social.net และ bloggang.com